ตั้งแต่มีโรคโควิดขึ้นมาในประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และตอนนี้หลายที่จะเปิดทำธุรกิจเกือบจะปกติแล้ว
แต่ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ยังไม่กลับมาแบบปกติ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีรายได้มาจากนักท่องเที่ยว อย่างเช่น โรงแรม, ร้านตลาดนัดตามสถานที่ท่องเที่ยว, สนามบินและ ดิวตี้ฟรี ที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ ล่าสุด รมช.พาณิชย์ ได้เรียกเชิญผู้ประกอบการ และผู้แทนภาครัฐและเอกชน กว่า 70 ราย เช่น สายการบินไทยแอร์เอเชีย โรงแรมเซ็นทัลพลาซา บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ประกอบการเรือริเวอร์ไซด์ ผู้แทนสมาคมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากสมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหา อุปสรรค และผลกระทบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวจากวิกฤติโควิด–19 และหาแนวทางในแก้ไขปัญหาเพื่อให้ภาคเอกชนปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ก็ต้องรอกันต่อไปว่าจะมีนโยบายอะไรของรัฐที่จะเข้ามาช่วยตรงนี้
ตอนนี้หากใครไม่เปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ ก็คงยากที่จะเอาตัวรอดในภาวะวิกฤตแบบนี้ อย่าง “คิงเพาเวอร์” เองที่ตั้งแต่ปิดสนามบิน จนตอนนี้ ต้องดูแลพนักงานทั้งหมดประมาณ 12,000 คน ซึ่งเขายืนยันว่าทุกคนจะได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน และไม่มีนโยบายเลิกจ้าง แม้ว่าสาขาทั้งหมดของกลุ่มบริษัทฯ จะต้องปิดตามนโยบายความปลอดภัยของรัฐบาลก็ตาม
ตอนนี้เองคิงเพาเวอร์เอง ต้องปรับตัวและทำ กลยุทธ์เฉพาะกิจขึ้นมา เรียกว่า KING POWER TEAM POWER พลิกแผนธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ เปลี่ยน “พนักงาน” เป็น “นักขาย”
กลยุทธ์สำคัญที่อัยยวัฒน์ได้เอามารับมือสู้กับวิกฤตครั้งนี้คือ KING POWER TEAM POWER ที่จะเปลี่ยน “พนักงาน” ทุกส่วนเป็น “นักขายสินค้าออนไลน์มืออาชีพ” ให้องค์กรขยายเครือข่ายจาก “ออนกราวน์ สู่ ออนไลน์”
เป็นการฉีกโมเดล ชูกลยุทธ์เฉพาะกิจ ผนึกกำลังพนักงานและพันธมิตรทางการค้า พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
การสร้างเครือข่ายขายออนไลน์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ผ่านทาง http://www.kingpower.com ภายใต้แคมเปญต่าง ๆ เช่น KING POWER #SHOPSAVESTAYSAFE #ช้อปที่บ้านมีแต่SaveกับSafe หรือแคมเปญ THANK YOU FOR STAYING SAVE AND SAFE ที่จะมีไปถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
เพื่อความเป็น ‘นักขาย’ มืออาชีพ พนักงานต้องเข้าคอร์สอินเทนซีฟ ฝึกอบรมด้านการขายสินค้าออนไลน์ครบวงจร
โดยคิวเพาเวอร์ หวังว่าประสบการณ์ใหม่ในวิกฤตนี้จะเป็น ‘โอกาส’ สำคัญของพนักงานในการเรียนรู้ระบบการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพนักงานในอนาคต
เป็นการเร่ง Speed และรุกการขายทางช่องทางออนไลน์ให้เร็ว และแรงขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
หลังจากตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ พยายามบุกการขาย Duty Free และ Non-Duty Free ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยลูกค้าที่มีและไม่มีไฟลต์บินสามารถสั่งซื้อและจองสินค้าได้ล่วงหน้า แต่ยังมี:)ส่วนที่น้อยมาก
จะเห็นได้ว่า แม้ว่าจะมีวิกฤต แต่ถ้าหากยังทำธุรกิจในแบบเดิมๆ ก็จะไม่เจอโอกาสที่จะทำธุกิจให้เดินต่อไปได้และไม่อาจจะฝ่าวิกฤตไปได้เลย
อันนี้ผมเองชื่นชมเลยครับ
https://marketeeronline.co/archives/172150