ปัญหาเรื่องฝ้านั้นสามารถทำการรักษาได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมรักษาฝ้า การใช้สมุนไพรต่าง ๆ หรือเข้าคลินิกเพื่อทำการเลเซอร์ อย่างไรก็ตามการเข้าคลินิกเพื่อทำการเลเซอร์นั้นค่อนข้างจะมีราคาสูงพอสมควร อีกทั้งยังเสียค่าเดินทางเข้าคลินิกทุกวัน แถมหากเราได้รับการรักษาจากคลินิก หรือแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ก็ทำให้ฝ้าเราเข้มขึ้นกว่าเดิมได้ เพราะฉะนั้นอีกวิธีหนึ่งที่มีความปลอดภัยนั้นก็คือการรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาตินั่นเอง ซึ่งสูตรรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาตินั้นก็มีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ในบทความนี้เราจึงอยากจะมาแชร์สูตรรักษาฝ้าให้ทุกคนได้อ่านกัน
หัวไช้เท้า
เชื่อว่าสูตรรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้านั้นหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง โดยวิธีทำนั้นก็สุดแสนจะง่าย คุณสามารถทำได้โดยการนำหัวไช้เท้าไปบดให้มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันแบบหยาบ ๆ เล็กน้อย จากนั้นนำมาพอกไว้ที่บริเวณที่เป็นฝ้าประมาณ 10-20 นาที แต่แนะนำว่าหากคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายให้หลีกเลี่ยงสูตรนี้เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะทำให้ฝ้าของคุณจางลงมากเลยล่ะ
ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งสูตรรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาตินั้นก็คือการใช้ว่านหางจระเข้นั่นเอง โดยสูตรนี้นั้นสามารถใช้ได้กับทุกคนรวมถึงคนที่มีผิวแพ้ง่าย วิธีการทำก็คือให้เลือกใบว่านหางจระเข้สักใบ โดยแนะนำว่าให้เลือกใบที่แก่แล้ว จากนั้นปอกเปลือกออกและนำไปล้างแล้วจึงทำการปั่น หรือบดแล้วแต่ความสะดวก แล้วจึงนำมาพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที และทำการล้างออก
ใบบัวบก
สำหรับสูตรนี้นั้นวิธีการใช้ก็คือนำใบบัวบกมาปั่น สูตรนี้สามารถใช้แทนโทนเนอร์ได้เลย โดยเมื่อเราปั่นเสร็จแล้วก็สามารถนำมาเช็ดแบบโทนเนอร์ง่าย ๆ สามารถเช็ดได้ทุกวัน ไม่ทำให้ผิวแสบ หรือเกิดการระคายเคือง ง่าย ๆ แค่นี้เลย ฝ้าของคุณก็จะจางลงแบบไม่ต้องใช้สารเคมี
น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง
จริง ๆ จะทำการรักษาโดยใช้น้ำมะนาวอย่างเดียวก็ได้ แต่การใช้น้ำผึ้งนั้นจะช่วยทำให้ผิวหน้าของเรามีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นได้ด้วย วิธีการทำก็เพียงแค่ใช้มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และนำมาพอกหน้าเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และเมื่อคุณทำเป็นประจำก็จะสังเกตได้ว่าฝ้าของคุณจะค่อย ๆ จางลง
สูตรรักษาฝ้าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นวิธีธรรมชาติที่มีความปลอดภัย สามารถหาวัตถุดิบได้จากส่วนผสมรอบตัวง่าย ๆ แต่สูตรที่กล่าวมานั้นใช่ว่าทำวันนี้แล้วจะหายพรุ่งนี้ แต่การจะรักษาฝ้านั้นต้องอาศัยระยะเวลา และความสม่ำเสมอของการบำรุงรักษาผิวหนังบริเวณฝ้าของเราด้วยเช่นกัน