ปัจจุบันธุรกิจรถทัวร์ท่องเที่ยวยังคงทำได้ดีและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบเดินทางกันเป็นหมู่คณะ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์บุญ ทัวร์แก้ชง ทัศนศึกษา สัมมนาบริษัท การเช่ารถทัวร์แบบเหมาลักษณะนี้ข้อดีก็คือราคาจะคุ้มกว่าซื้อแยกทีละที่นั่ง นอกจากนี้ยังสะดวกสบายตรงที่ไม่ต้องขับเอง ไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างเหมารวมไปกับค่าเช่ารถเรียบร้อยแล้ว
คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากกรมการขนส่งทางบก เลือกเช่ารถทัวร์ท่องเที่ยวทั้งที ควรดูที่อะไรบ้าง :-
ความพร้อมของตัวรถ
รถทัวร์ท่องเที่ยวที่เลือกเช่านั้นจะต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง เครื่องยนต์ มีการติดตั้งเครื่อง GPS ไว้ที่ตัวรถเพื่อให้สามารถติดตามพฤติกรรมการขับขี่ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินได้ นอกจากนี้ยังต้องมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆ อย่างเช่น เข็มขัดนิรภัย ประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก โดยรถบัสที่เลือกเช่าจะต้องผ่านการจดทะเบียนเป็นรถโดยสารสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย (ป้ายทะเบียนสีเหลือง) และสุดท้ายต้องมี พ.ร.บ. ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองตัวผู้โดยสารด้วย
ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ
ตรวจสอบประวัติการบริหารงานของกิจการรถทัวร์นั้นๆ ให้ดีว่ามีประวัติเสียหายหรือไม่ ตัวรถทัวร์ท่องเที่ยวที่ใช้จะต้องมีสมุดบันทึกข้อมูลประจำรถเพื่อบ่งบอกรายละเอียดและประวัติของรถคันนั้นๆ ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้สภาพรถจะต้องมีความพร้อมใช้งาน ผ่านมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ตัวพนักงานสามารถไว้วางใจได้ ชำนาญเส้นทางและมีใบอนุญาตขับขี่ถูกประเภท
ความชำนาญของตัวคนขับ
ด่านสุดท้ายของการเลือกเช่ารถทัวร์ท่องเที่ยวคือการเลือกคนขับ ตัวคนขับเองต้องชำนาญเส้นทาง พฤติกรรมดี ไม่มีประวัติเสีย ที่สำคัญคือมีใบอนุญาตขับขี่ที่ตรงประเภท เราในฐานะผู้เช่ารถควรตรวจสอบชื่อ-สกุล เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ หากเป็นการเดินทางไกลคนขับต้องขับรถติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง หากนานกว่านั้นควรมีคนขับสำรองเพื่อผลัดเปลี่ยน และสำคัญที่สุดเลยคือต้องไร้สารเสพติด ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดขณะขับขี่ต้องมีค่าเป็นศูนย์
หากมี 3 สิ่งดังที่กล่าวไปแล้วก็ถือว่ารถทัวร์ท่องเที่ยวที่คุณเลือกใช้บริการนั้นสามารถไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเดินทาง คุณในฐานะผู้โดยสารก็ควรให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย สอดส่องดูแลความเป็นไปรอบตัวด้วย หลีกเลี่ยงการนอนหลับในขณะเดินทางเพราะถ้าหากรถเกิดประสบอุบัติเหตุขึ้นมาจะได้มีสติช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ทัน นอกจากนี้แม้ว่าจะตรวจสอบประวัติของตัวผู้ขับขี่มาเป็นอย่างดีแล้ว ขณะเดินทางก็ควรหมั่นสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่าตัวคนขับเองมีอาการง่วงนอน หลับใน หรือดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้โดยสารท่านอื่น