บอร์ด
กระทู้: 10 สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับมาตรฐานน้ำมันยูโร4

10 สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับมาตรฐานน้ำมันยูโร4
                              

1. มาตรฐานยูโร หรือ European Emission Standards  เกิดขึ้น จากกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ที่ต้องการวางกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อดูแลป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมสำหรับภาคขนส่งที่มีการปล่อยไอเสียซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศ จึงนำไปสู่การควบคุมการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา และกำหนดมาตรฐานไอเสียสำหรับยานพาหนะควบคู่กับมาตรฐานของน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ยานพาหนะดังกล่าวมีการปล่อยไอเสียไม่เกินค่าที่กำหนดตามมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันก็มีการแบ่งมาตรฐานเรียงลำดับจากยูโร 1, ยูโร 2, ยูโร 3, ยูโร 4, ยูโร 5 และ ยูโร6

2. มาตรฐานของแต่ละระดับนั้นจะวัดกันที่สารเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิง และปริมาณการปลดปล่อยมลพิษของสารต่างๆ จากไอเสียรถยนต์ เช่น สารกำมะถัน สารพีเอเอช (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon) สารเบนซีน สารโอเลฟิน คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ก๊าซไฮโดรคาร์บอนกับออกไซด์ของไนโตรเจน (HC+NOx) และฝุ่นละออง เป็นต้น รวมถึงการกำหนดค่าออกเทน ค่าซีเทนในน้ำมันอีกด้วย

 

3. การลดค่ากำมะถันจะช่วยทำให้ลดการเกิดฝนกรดและฝุ่นละอองได้อย่างมาก การลดคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้ควันดำลดลง การลดสารพีเอเอช สารเบนซีน สารโอเลฟิน ก๊าซโอโซนที่มาจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างก๊าซไฮโดรคาร์บอนกับออกไซด์ของไนโตรเจนในแสงแดด จะช่วยลดสารก่อมะเร็ง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยหรือทำมาค้าขายริมถนนมีทิศทางที่ดีขึ้น

4. ประเทศไทยนั้น มีการบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555   เนื่องจากประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีประชากรและการจราจรที่หนาแน่นนั้น มีปัญหาเรื่องคุณภาพของอากาศอย่างหนัก เช่น มีมลพิษฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน, สารกำมะถันและก๊าซโอโซนเกินกว่ามาตรฐานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ริมถนนใหญ่

 5. เครื่องยนต์ที่มีการพัฒนามาตรฐานของเครื่องยนต์และระบบการควบคุมการปลดปล่อยมลพิษ ตามมาตรฐานยูโร 4 เมื่อใช้น้ำมันยูโร 2 เครื่องยนต์จะมีปัญหาเนื่องจากเชื้อเพลิงไม่ได้มาตรฐาน  

6. ประเทศเพื่อนที่ยังคงใช้น้ำมันยูโร 2 หรือยูโร 3 กันอยู่ เพราะเขามีการจราจรที่ไม่หนาแน่น ปริมาณมลพิษยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ รวมถึงยังไม่ได้มีการกำหนดมาตรการควบคุมมลพิษที่จริงจังและยังไม่ได้บังคับใช้รถยนต์ที่มีไอเสียมาตรฐานยูโร 4 อีกด้วย


7. ในอนาคตประเทศเพื่อนบ้านเราหลายๆ ประเทศก็จะพัฒนาคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเป็น ยูโร
4 และ ยูโร 5 เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์  ประเทศเวียดนาม และประเทศมาเลเซีย

8. สำหรับประเทศไทยตอนนี้ก็ได้มีการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงบางชนิดเป็นยูโร 5 ไปบ้างแล้วเช่น แก๊สโซฮอล์ E20 ของบางจาก และ ดีเซลพรีเมียม ของ ปตท.

9. ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ประเทศกลุ่มยุโรปและสแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังจะไปไกลกว่ายูโร 5 แล้วด้วยซ้ำ

10. การผลิตน้ำมันยูโร 4 ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณลิตรละ 50 สตางค์ที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าใช้จ่ายจากการที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนปรับปรุงคุณภาพโรงกลั่นน้ำมันไปแล้ว แต่ก็คุ้มค่ากับการแลกมาซึ่งสภาพอากาศที่ดีขึ้นและสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นของส่วนรวม  

17 ก.พ. 59 เวลา 16:34 841 1
  • ความเห็นที่ 1

    e18

    โพสต์เมื่อ 3 มี.ค. 59 เวลา 14:20
    โดย

    LiuEeFei

    คนดู