เป็นการทำธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สมกับเป็นธุรกิจยุคใหม่จริงๆ

อันนี้เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากที่ฟัง opp day ของ EA โดยทาง EA บอกว่า 2022 เป็นปีที่ดีที่สุดของ EA  เรื่องรายรับ รายได้ กำไรเท่าไหร่ จะไม่ขอพูดถึงในกระทู้นี้

แต่มันมีสิ่งที่น่าสนใจคือ การดำเนินกิจการของ EA ที่จะเน้นการทำธุรกิจกับเทรนด์ของโลก ที่จะเน้นตัว Net Zero การลดคาร์บอน เน้นความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

ผลิตภัณฑ์ที่ดูน่าสนใจ และเกิดขึ้นเพื่อรองรับเทรนอนาคตของโลก ก็เป็นของ Bio Fuel 

ในยุคที่ใครๆ ก็ต่างผลิต Bio Fuel เชื้องเพลิงชีวภาพได้ เป็นเรื่องแสนธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่มี Green oil ที่จะมาใช้เป็นเชื้อเพลิง Fuel Jet และเทรนด์โลกก็เริ่มจะเป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างให้เห็นว่าการจองตั๋วเครื่องบินในแต่ละสายการบินจะมีการบอกว่า เครื่องบินลำนี้ใช้น้ำมันคาร์บอนต่ำ แสดงให้เห็นว่าหลายสายการบินเริ่มให้ความสำคัญแก่ Sustainable ตรงนี้ EA ก็มี Product ออกมารองรับ 

ผลิตภัณฑ์ต่อไปคือ Bio PCM Phase Change Material เอาจริงแล้วท่อนนี้ก็ต้องตั้งใจฟังเพราะเป็นเรื่องใหม่สำหรับ จขกท. มากๆ  เท่าที่ฟังแล้วขมวดปมได้ ก็คือ Phase Change Material วัสดุเปลี่ยนสถานะ ที่จะมีการดูดหรือคายความร้อน ก็เอาตรงนี้ มาพัฒนาในรูปแบบต่างๆ ที่จับต้องได้ อย่างเช่นวัสดุก่อสร้างอาคาร เครื่องนุ่งห่มที่ใส่แล้วเย็นสบาย  

https://web.facebook.com/BCGeTEC/posts/304461204691818/?paipv=0&eav=Afar4KbfsMsZw6x23Z52wWhNlbflhDVbd_CAvbJHo_4Jh8LVQLIxJyG5t8yEHZDsxkg&_rdc=1&_rdr 

อะไรทำนองนั้น  เพิ่งเคยได้ยินเป็นที่นี่เป็นที่แรกอาจจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมซะแล้ว 

ผลิตภัณฑ์ฮีโร่ของ EA ก็หนีไม่พ้นการผลิตแบตเตอรี่ และยานพาหนะ EV ขนาดใหญ่ [Mass Transit Business]

เทรนด์รถ EV ในประเทศไทยก็ยังคงร้อนแรงอยู่มาตลอด 4-5 ที่ผ่านมา แต่ EA ไม่ได้เล่นตลาดรถ EV ที่เป็นรถส่วนตัว เขากระโดดลงไปเล่นรถบัสไฟฟ้า ที่เป็นรถเมล์ เรือไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า พวกนี้แทน ความได้เปรียบของ EA คือมีโรงงานที่ผลิตรถเหล่านี้ได้เอง ทำให้ได้รับการรับรองจากกรมศุลกากรว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศเอง โดยเฉพาะรถบัส EV ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีการนำเข้าวัสดุอะไรเลย ดำเนินการภายใต้บริษัท สมายบัสกรุ๊ป

การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ขนส่งสาธารณะใน กทม. Capped fare price คือการจำกัดวงเงินในการขึ้นรถเมล์ หรือ เรือไฟฟ้า ในวันนั้นๆ ยกตัวอย่างการนั่งรถเมล์ไฟฟ้า ก็จะมีอยู่ในวงเงิน 40 บาท จะมีการนั่งรถเมล์ ปอ. กี่รอบ กี่เที่ยวก็ได้ ถ้าเกิน 40 ปุ๊บ ระบบจะหยุดเก็บเงินทันที เท่ากับว่าที่เหลือคือฟรี เป็นการช่วยจำกัดค่าใช้จ่ายให้กับคนเดินทางได้

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่และสถานีชาร์จก็ยังคงเติบโตไปได้ แบตเตอรี่ EA สามารถผลิตเองได้ภายใต้บริษัทอมิตา ที่รองรับการผลิตแบตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายต่างๆ อมิตาก็ผลิตให้ได้

ส่วนสถานีชาร์จ ก็มีปรับเปลี่ยนแผนเพื่อให้รองรับกับความต้องการใช้งาน ที่ส่วนใหญ่จะเน้นชาร์จรถที่บ้าน หรือที่ทำงาน การออกพื้นที่ต่างจังหวัดอาจจะยังไม่ได้ค่อยได้ออกบ่อย EA จึงเน้นขยายสถานีชาร์จไปยังพวกห้าง คอนโด ให้มากขึ้น ยกตัวอย่างที่อาคารจอดรถรามาธิบดี อาคารต้นแบบการจัดการพลังงานในการติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับอาคารขนาดใหญ่ ครบทุกช่องจอด 578 ชาร์จเจอร์ เป็นอาคารที่มีเครื่องชาร์จไฟฟ้ามากที่สุดใน ASEAN อาคารต้นแบบการพลังงาน “EV Smart Building” by EA Anywhere โดยความร่วมมือ โรงพยาบาลกับ EA

แล้วประกอบกับตอนนี้ที่ EA หันไปผลิตรถบัส รถบรรทุก EV มากขึ้น จึงต้องเพิ่มสถานีชาร์จที่เป็น Mega Charging Station ให้รองรับการชาร์จระหว่างทางได้

ถ้าไม่พูดถึงรถไฟ EV ที่ทาง EA ได้นำมาทดสอบวิ่งบนรางไปแล้วก็คงจะไม่ได้ เพราะมันคือสิ่งใหม่มากสำหรับปีที่ผ่านมา

ประเด็นที่ทำให้เกิดความน่าสนใจใหม่ก็คือ โดยปกติเราจะเห็นรถไฟ EV มีการเดินสายส่งระโยงระยางอยู่ด้านบน แต่รถไฟ EV ของ EA ไม่ต้องใช้สายส่งแบบนั้น เพียงแค่เปลี่ยนหัวรถจักรไฟฟ้า พ่วงกับโบกี้ที่เป็นแบตเตอรี่ลากพ่วงกันไป ถามว่ามันดีกับประเทศตรงไหน ก็ตรงที่ว่ามันเอามาวิ่งบนรางรถไฟปัจจุบันได้เลย ไม่ต้องไปเสียเงินเสียเวลาพัฒนารางใหม่เพื่อให้วิ่งได้ ค่าโดยสารก็ไม่กระทบมากเพราะไม่มีการลงทุนเพิ่ม มันเจ๋งตรงนี้เห็นไหมว่าการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศมันก็ทำได้นี่นา ขอแค่ได้รับการผลักดันและพัฒนาดีดี

ต้องขอยอมรับเลยว่า EA มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมาก การต่อยอดหลายๆ อย่างดูมีอนาคตและที่สำคัญมันเกิดขึ้นจริงๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะรถบัส EV กับรถไฟไฟฟ้า อันนี้ประทับใจมากอยากให้มีกระจายไปทั่วประเทศ จะได้พ้นจากคำว่าประเทศที่กำลังพัฒนาเสียที