อากาศร้อน ฝนน้อย ฝุ่นควัน PM2.5ก็เริ่มมากขึ้น ในเขตกรุงเทพฯบ้านเราบางวันค่าเกินมาตรฐานไปมากๆ ทำให้หลายๆ หน่วยงานมาโฟกัสและให้ความสนใจเรื่องการปล่อยคาร์บอนฯ
ทั่วโลกกำลังตื่นตัว กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่เป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์และก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศโลก ผลคือเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming)
นานาประเทศจึงร่วมกันสร้างกลไกที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ด้วยมาตรการทางภาษีกับผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกำหนด และระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Emission Trading ซึ่งเป็นที่นิยมกันในยุโรปและอีกหลายประเทศ “คาร์บอนเครดิต” (Carbon Credit) จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกทางการตลาดสำคัญที่จะจูงใจให้ ภาคอุตสาหกรรม ร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่ดำเนินการเกินกว่าเป้าหมายที่ควบคุม มีความต้องการเข้าซื้อคาร์บอนเครดิต ในตลาดคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลก สำหรับประเทศไทยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตนั้นได้ถูกกำหนดไว้ใน ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.2558-2593 เช่นเดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจของไทย ร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี สร้างโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนในรูปตัวเงินให้กับธุรกิจ อันส่งผลทำให้การดำเนินธุรกิจเติบโตพร้อมกับร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม