บอร์ด
กระทู้: รถยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่จับต้องได้มากขึ้น

ยุคสมัยของยานพาหนะไฟฟ้ามาถึง และก็เริ่มเป็นที่จับต้องได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้ว ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ มองไปรอบๆ ตัวเราก็เริ่มเห็นว่ามีรถ EV ป้ายแดงออกมาวิ่งตามถนนให้เราได้เห็นกันมากขึ้น ส่วนต่างจังหวัดก็ไม่น้อยหน้า เริ่มเห็นน้องแมวป้ายแดง วิ่งกันแล้วเช่นกัน

อีกปัจจัยที่บอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากขึ้นก็ดูได้จากยอดจอดรถ EV จากงานมอเตอร์โชว์ ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีๆ ปีนี้ก็ดูเหมือนค่าย BYD จะมาแรงนะฮะ

เครดิต https://www.prachachat.net/motoring/news-1147875

แถมปีหน้ายังมีอีกหลายค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะสัญชาติฝรั่งหรือจีน ก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ในปีหน้ากันหลายเจ้าเลย ผมว่าในอนาคตอาจจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้เราตื่นตาตื่นใจอีกแน่ (ส่วนตัว จขกท. แอบรอค่ายญี่ปุ่นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอยู่นะครับ)

นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นประเภทส่วนบุคคลแล้ว ตอนนี้วงการยานพาหนะที่ใช้ไฟฟ้าก็ยังเริ่มกระจายตัวไปยังรถบรรทุก ถ้าใครไปงานมอเตอร์โชว์ก็จะเห็นว่า EA เพิ่งเปิดตัวเจ้ารถบรรทุกไฟฟ้า MT 30 ไป

นอกจากนี้ค่ายนี้ ยังเป็นอีกค่ายที่ผลิตรถเมล์ไฟฟ้าวิ่งใน กทม. เห็นมากสุดคือสาย 8 แล้วก็เริ่มมีหลายรถเมล์สายอื่นๆ เริ่มนำรถเมล์ไฟฟ้าตัวนี้ไปวิ่งแล้วด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีเรือไฟฟ้า Mine Smart Ferry ทิ่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 64

ถ้าแวะเข้าบ้าน EA เห็นทีจะยาวหน่อยแหละครับ ตอนนี้ถ้าให้มองบริษัทที่ทำเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรก็จะต้องนึกถึง EA เป็นเจ้าแรกๆ ของประเทศ บริษัทนี้เดิมทีเคยเป็นบริษัทที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติ แล้วก็ผันตัวเข้าสู่วงการรถยนต์ไฟฟ้า ในฐานะผู้ให้บริการสถานีชาร์จที่ตอนนี้ขยายไปมากกว่า 400 สถานีทั่วประเทศ แล้วยังมีบริษัทผลิตแบตเตอรี่เป็นของตัวเองอีกด้วย

 สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็สืบเนื่องจากนโยบายภาครัฐ ที่มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการผลิตในประเทศ โดยรัฐบาลตั้งมีเป้าหมายการในปี 2573 จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถยนต์นั่งและรถกระบะทั้งสิ้น 725,000 คัน ประเภทรถจักรยานยนต์จะมีการผลิตทั้งสิ้น 675,000 คัน หรือมี:)ส่วน 30% ของการผลิตทั้งหมด สอดคล้องกับนโยบายคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กำหนดนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าการผลิต

 รถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub)

เครดิต https://marketeeronline.co/archives/265143

 ด้วยนโยบายของรัฐและกระแสการตอบรับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ถ้ามองในมุมของนักลงทุนผมว่าอนาคตในกลุ่มนี้ยังไปได้อีกไกล และถ้ามองในมุมของผู้คนใช้งานมันก็ทำให้เราได้มีชีวิตที่เข้าใกล้นวัตกรรมยานพาหนะไฟฟ้ากันมากขึ้น เราจะได้ยกระดับยานพาหนะไปได้อีกขั้น

 สำหรับตัว จขกท. เองก็แอบเล็งๆ รถยนต์ไฟฟ้ามาหลายปีดีดักอยู่ แต่สิ่งที่ยังไม่กล้าที่จะจับจองอาจจะเป็นเพราะยังมีความกังวลเรื่องเกี่ยวกับสถานีชาร์จในขณะที่เราต้องเดินทางไกลอยู่ครับ อีกประเด็นสำคัญเลยคือเรื่องราคา  จขกท. เดาว่าหลายๆ คนยังคงต้องติดกับดักนี้เหมือนกับผมเป็นแน่ เลยได้แต่จับตามองอุตสาหกรรมนี้ต่อไป ไว้ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีดีมานด์เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ราคารู้สึกจับต้องได้ง่ายแบบไม่ลำบากยากเย็นในการใช้ชีวิต วันนั้นผมสู้ตายเลยฮะ

ปล. ตอนนี้EA ได้จับมือกับพันธมิตรในจีนร่วมมือผลิตนำเข้าหัวรถจักรไฟฟ้ามาแล้วด้วยนะฮะ แล้วก็เพิ่งมีการเทสวิ่งบนรางรถไฟที่บางซื่อแล้วด้วย โดยหัวรถจักรไฟฟ้า EV ที่ว่านี้จะสามารถวิ่งได้ระยะ กว่า 300 กิโลเมตร สามารถประหยัดต้นทุนพลังงานได้ 40% เมื่อเปรียบเทียบกับหัวรถดีเซล สุดยอดเลยลูกพี่ EA เก็บหมดทุกยานพาหนะจริง

15 ม.ค. 66 เวลา 22:17 488
โพสต์โดย

rose flower


เด็กกองถ่าย