รู้หรือไม่ว่าหลังจากที่คุณทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการซื้อรถยนต์แล้ว คุณยังต้องเตรียมเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ยิบย่อยอีกมากมาย เรียกได้ว่าหากบริหารเงินไม่ดีก็จะส่งผลกระทบต่อการเงินของคุณในระยะยาวเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนที่จะซื้อรถยนต์คุณจะต้องเผื่อเงินค่าใช้จ่ายดังนี้ไว้ด้วย
แน่นอนว่ารถไม่มีน้ำมันก็วิ่งไม่ได้ และราคาน้ำมันทุกวันนี้ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกวัน ๆ ทำให้ผู้ใช้รถหลายคนอาจต้องควักเงินค่าน้ำมันถึง 3-5 พันบาทต่อเดือนเลยทีเดียว และถ้ายิ่งคุณเติมน้ำมันเบนซิน 95 ด้วยแล้ว บอกเลยว่าย่อมแพงขึ้นอีกเท่าตัว แต่ถ้าจะประหยัดเติม E85 หรือ E20 บ่อย ๆ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ได้เช่นกัน
รถยนต์ยิ่งใช้งานยิ่งมีโอกาสเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสตาร์ทไม่ติด หัวฉีดไม่ทำงาน คอยด์เสื่อม ผ้าเบรกเสื่อม แอร์ไม่เย็น ระบบไฟฟ้าลัดวงจร และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้คุณก็ต้องนำรถยนต์เข้าศูนย์หรืออู่ซ่อมเพื่อแก้ไข ซึ่งคุณจะต้องเสียค่าบริการและค่าอะไหล่ และบางเคสคุณอาจต้องจ่ายค่าซ่อมแพงถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
ตามกฏหมายแล้วรถยนต์ทุกคันต้องมีการเสียภาษีรายปี ขึ้นกับอัตราความจุกระบอกสูบของรถ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคุณอาจต้องเสียภาษี 3,000 - 6,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว ยิ่งรถหรูรถแรงก็จะเสียภาษีแพง ถ้าคุณไม่เสียภาษีคุณก็จะโดนค่าปรับมหาศาลตามมา
เป็นประกันภัยรถยนต์ที่กฏหมายบังคับให้ทำ หากคุณไม่ทำก็จะมีโทษทางกฎหมายและจะขอป้ายวงกลมไม่ได้ ทั้งนี้ พ.ร.บ. มีประโยชน์ตรงที่คุณจะมีเงินค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเอง รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณีด้วย แต่ค่า พ.ร.บ. นั้นไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิด คุณจ่ายเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น
การทำประกันรถยนต์จะทำให้คุณได้รับความคุ้มครองเป็นค่าซ่อมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงค่ารักษาพยายาลเพิ่มเติมจาก พ.ร.บ. ทั้งนี้ประกันภัยรถยนต์มีความคุ้มครองให้เลือกหลากหลายตามชั้นต่าง ๆ โดยแพงสุดจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งอาจต้องจ่ายเบี้ยอยู่ที่ราวหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงสองหมื่น ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2 และชั้น 3 ก็จะมีราคาถูกลงมาเหลือแค่หลักพัน
สำหรับบางคนที่ไม่มีที่จอดเป็นของคนเอง คุณอาจต้องเสียเงินค่าจอดรถยนต์เพิ่มเติม และยิ่งถ้าเป็นโซนที่จอดแถวใจกลางเมือง บอกเลยว่าค่าจอดรถยนต์อาจถึงเดือนละ 5,000 บาทเลยทีเดียว แพงกว่าค่าน้ำมันไปอีก