ในประเทศไทย ต้นเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สันดาปในภาคขนส่งมากถึง 27% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด และ 99.95% ของยานพาหนะทั้งหมดในไทยเป็นเครื่องยนต์สันดาปซึ่งเป็นที่มาของฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เป็นวิกฤตอยู่ในปัจจุบัน ทางภาครัฐเองได้เห็นถึงความสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งได้มีการกำหนดแผนระยะเร่งด่วนและแผนระยะยาวเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า
การเดินหน้าเปลี่ยนไปสู่ยุคพลังงานสะอาดหัวใจหลักที่จะทำให้ไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไทยได้ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ที่ 20% ภายในปี 2573 ที่จะมาถึงนี้
กลุ่ม EA ให้ความสำคัญกับการเดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มรถEV เพื่อการโดยสารสาธารณะ เพราะบริษัทมีความพร้อมทางด้านการผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงมีศักยภาพในการผลิตรถบัสไฟฟ้าอยู่ที่ปีละ 3,000 คัน และในช่วงกลางปีนี้จะมีส่งมอบรถบัสไฟฟ้าขนาดเล็กได้ประมาณ 400 คัน และเพิ่มเป็นจำนวน 1,000 คันในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ในหลายประเทศก็ให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อน ตามข้อตกลงปารีสและมลพิษทางอากาศ เริ่มจากที่มีการเปลี่ยนระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ จากรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเป็นรถไฟฟ้าที่ช่วยให้การปล่อยไอเสียออกมาเป็น 0 และยังไม่สร้างมลพิษทางเสียง หลายเมืองก็ทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดผลดีทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณสุข และด้านงบประมาณ
“เซินเจิ้น” เมืองแรกของโลก ที่ให้บริการรถบัสไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100% เปลี่ยนจาก เมืองฝุ่นละอองเยอะที่สุด มาป็น "เมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก"
ชิลี ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีกองทัพรถบัสไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในแถบลาตินอเมริกาและคาริบเบียน การเปลี่ยนมาใช้รถบัสไฟฟ้าจะช่วยให้ชิลี ลดการเสียชีวิตของประชากร จากปัญหามลพิษทางอากาศประมาณ 4,000 คนต่อปี(ข้อมูลจากWHO) ซึ่งคาดว่าในปี 2030 จะลดการเสียชีวิตเหลือแค่ 1,379 คน และช่วยลดงบประมาณในด้านสาธารณสุขลงได้มาก
จะเห็นว่าการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะจะช่วยให้หลายๆประเทศมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมขึ้น โดยการเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารไฟฟ้า 1 คัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากท่อไอเสียรถยนต์บนท้องถนนรวมกันถึง 33 คัน ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับรถบัสที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
การเดินหน้าเปลี่ยนไปสู่ยุคพลังงานสะอาดหัวใจหลักที่จะทำให้ไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไทยได้ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ที่ 20% ภายในปี 2573 ที่จะมาถึงนี้
ทั้งนี้กลุ่ม EA ให้ความสำคัญกับการเดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มรถEV เพื่อการโดยสารสาธารณะ เพราะบริษัทมีความพร้อมทางด้านการผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงมีศักยภาพในการผลิตรถบัสไฟฟ้าอยู่ที่ปีละ 3,000 คัน และในช่วงกลางปีนี้จะมีส่งมอบรถบัสไฟฟ้าขนาดเล็กได้ประมาณ 400 คัน และเพิ่มเป็นจำนวน 1,000 คันในสิ้นปีนี้
ในไม่ช้านี้เราจะเห็นรถบัสไฟฟ้ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในช่วงนี้บางเส้นทางก็มีเริ่มออกมาให้ทดลองใช้บริการกันแล้ว ใครใช้บริการแล้วเป็นยังไงเล่าสู่กันฟังด้วยนะ
ขอขอบคุณที่มา : https://bit.ly/3u8enoX
ขอขอบคุณที่มา : https://bit.ly/3u8enoX