จะเห็นว่าช่วงหลังๆมานี้พลังงานทดแทนจะเป็นอะไรที่ทุกคนให้ความสนใจกันมาก เพราะเป็นพลังงานที่ช่วยในเรื่องรักษ์โลก และเป็นพลังงานสะอาด ซึ่งตอนนี้ที่เห็น EA ก็จะลงทุนโครงการเหล่านี้หลายๆ โครงการ เห็นข่าวนี้แล้วรู้สึกว่าขยะที่กำลังจะล้นประเทศจะได้มีวิธีการกำจัดแบบมีประโยชน์ซะที
EAเล็งจับมือพันธมิตร ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล-ขยะ แย้มมีโอกาสเห็นดีลในปีนี้ ด้านธุรกิจอีวี เตรียมรุกตลาดรถขนส่งสินค้าออนไลน์ หลังเทรนด์อีคอมเมิร์ซเติบโตสูง ย้ำเป้าปีนี้รายได้เพิ่ม 20%
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรหลายราย เพื่อลงทุนพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ เติมเข้ามาในพอร์ตธุรกิจโรงไฟฟ้าหากต้องการเติบโตต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดเป็นพลังงานชีวมวล (Biomass) และพลังงานขยะ
ทั้งนี้ พลังงานชีวมวลและขยะ ขนาดโครงการลงทุนไม่ใหญ่มาก เนื่องจากแต่ละโครงการมีกำลังการผลิตไม่สูง โดยพลังงานชีวมวลอยู่ที่ 5-8 เมกะวัตต์ ขณะที่พลังงานขยะราว 10 เมกะวัตต์ คาดว่าในปีนี้มีโอกาสเห็นบริษัทร่วมทุนในพลังงานชีวมวลหรือขยะ
สำหรับธุรกิจไฟฟ้าปัจจุบันบริษัทจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ครบ 6 โครงการ กำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ ซึ่งการเติบโตมากกว่านี้จะต้องมองหาโครงการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การลงทุนของบริษัท ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) คงไม่สูงเหมือนในอดีต โดยปัจจุบันมองเพียงระดับ 9-10% ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่มาก แต่หากเสี่ยงสูง IRR ระดับ 13-15% ซึ่งโครงการในประเทศก็จะเป็นเพียงโครงการขนาดเล็ก ต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการในต่างประเทศ ขนาดต้องมากกว่า 100 เมกะวัตต์
ขณะที่ ธุรกิจที่เน้นขยายลงทุนคือธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เนื่องจากธุรกิจอีวีกำลังเป็นเทรนด์ของโลกที่กำลังเติบโตประกอบกับทุกประเทศเริ่มตื่นตัวกันมากในการรักษ์โลก ซึ่งลักษณะคล้ายๆ กับธุรกิจพลังงานทดแทนช่วงแรกที่การเติบโตสูงมาก
โดยหลังจากที่โรงงานแบตเตอรี่ระยะแรกของบริษัทขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) แล้วเสร็จในไตรมาส 1ปี2564 ช่วยขยายโอกาสการเติบโตจากการนำแบตเตอรี่มาใช้ในการผลิตทั้งในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า และอีกหนึ่งตลาดที่บริษัทจะเข้าไปคือ ตลาดขนส่งสินค้าออนไลน์ สะท้อนภาพจากการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่ก้าวกระโดด ซึ่งอนาคตกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์อาจจะต้องเปลี่ยนรถขนส่งสินค้าออนไลน์น้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้าก็ได้ เนื่องจากเป็นเทรนด์ของโลก
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมีคำสั่งซื้อยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถที่เกี่ยวการขนส่งสาธารณะที่จะเข้ามาในมือประมาณ 400-500 คัน ซึ่งบางส่วนมีการเซ็นสัญญาไปแล้วและบางส่วนอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา คาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/64 ต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้
“ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 20% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจอีวีหลังจากที่โรงงานแบตเตอรี่ระยะแรก ขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงแล้วเสร็จ ซึ่งจะนำแบตเตอรี่มาใช้ในการผลิตทั้งในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า และเรือไฟฟ้า”
ที่มา: https://www.bangko:)news.com/news/detail/919831