อย่างที่เรารู้ๆกันประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาพลังงานหลากหลายรูปแบบมาก แต่พลังงานหลักๆที่เราใช้กันอย่างมากหรือที่เรียกว่าใช้กันจนขาดไม่ได้นั่นคือพลังงานน้ำมันกับพลังงานไฟฟ้า โดยพลังงานทั้งสองอย่างประเทศไทยก็ยังพึ่งพาการนำเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งโดยปกติแล้วรัฐฯจะมีการวางแผนการใช้พลังงานต่างๆเหล่านี้อยู่เสมอ แต่ในหัวข่าวช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐฯเปิดเผยแผนระบบไฟฟ้าของไทยในอีก 20 ปีต่อการนี้ (PDP) มีอะไรหลายๆอย่างที่น่าสนใจ และทำให้เห็นทิศทางของบริษัทต่างๆที่จะได้รับอานิสงค์กับแผนตรงนี้หลายๆบริษัทเลย
แผน PDP คืออะไร? แผน PDP ย่อมาจาก Power Development Plan เป็นแผนการพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศไทยในระยะยาว ถือว่าเป็นแผนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งมีกระบวนการในการวางแผนต่อเนื่อง ทำกันมายาวนาน โดยปกติการจัดทำแผนPDP จะระบุว่าประเทศไทยจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ากี่มากน้อยในกรอบ 20 ปี ข้างหน้า และจะมีโรงไฟฟ้าประเภทใดใช้เชื้อเพลิงใด ตั้งอยู่ที่ไหน มาเพื่อรองรับการใช้ไฟ ซึ่งแผน PDP สำคัญต่อประเทศไทยในการเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ด้วยการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดและยิ่งใช้ ยิ่งหมดเร็วหันไปเพิ่ม:)ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีสะอาดและพลังงานหมุนเวียน การจัดหาไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า ระบบจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทน
ทีนี้แผน PDP ที่ปรับปรุงใหม่ของปีนี้ (จริงๆแล้วประกาศช้าไปครึ่งปีแล้ว) ที่น่าสนใจและเห็นได้อย่างเห็นได้ชัดเจนเลยคือ จะมีการเพิ่มใช้พลังงานทดแทนเป็น 34.23% มากกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ 20.11% โดยหนุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นกว่า 10% และที่มาแรงคือการขยายสถานีบริการเติมรถไฟฟ้า EV ทุกๆ 50 – 70 กิโลเมตร!!ซึ่งอันหลังนี้แหละที่มีหลายๆบริษัทน่าจะได้รับอานิสงค์ตรงนี้ อย่างเจ้าพ่อรถไฟฟ้า EA (บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)) ที่เคยประกาศไว้ว่าจะทำสถานีชาร์จรถไฟฟ้าให้ครบ 1,000 แห่ง ที่น่าจะได้รับอานิสงค์จากแผน PDP ฉบับนี้ไม่มากก็น้อย
ค้นหาสถานีชาร์จ EV จาก App EA Anywhere
ถ้ารัฐฯสนับสนุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาดนี้ใครจะซื้อรถยนต์ใหม่ในช่วง 1 -5 ปีนับจากนี้คงต้องวิเคราะห์กันดีดี เพราะถ้าในอนาคตจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกๆ 50 – 70 กิโลเมตรจริงๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าน่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่น่าสนใจ อย่างน้อยหลายๆค่ายเปิดตัวมาไม่แรงมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ราคาช่วง 5 แสน – 1 ลบ.เริ่มมีเข้ามาให้เห็นกันหลากหลายยี่ห้อละ ถ้าราคารถเป็นใจ และรัฐฯสนับสนุน ทั้งสถานีชาร์จ (และถ้าลดค่าภาษีรถไฟฟ้าด้วยจะดีมาก) จขกท.มั่นใจว่าไม่เกิน 10 ปีจะเห็นรถไฟฟ้าวิ่งเต็มประเทศไทยอย่างแน่นอน แล้วเราก็จะไม่ต้องทนกับ PM2.5 อีกต่อไป
ที่มา:https://pantip.com/topic/40309539