เป็นที่ฮือฮามาตั้งแต่ต้นสัปดาห์เกี่ยวกับกรณี ทอท. เยียวยาคิงเพาเวอร์ บลจ.กสิกรไทย ได้ปรับลดราคาเป้าหมายให้เหลือเพียง 45.50 บาท เท่านั้น นั่นเกิดจากการที่ AOT ปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนการันตีขั้นต่ำในปี 2565
แต่ปรากฏว่าจนแล้วจนรอดลดลงไป 2 บาท ปิดตลาดที่ 49 แล้วก็ยังคงวนเวียนๆ อยู่แถวนี้ ไม่รู้ว่าปรับลดยังไงชาวสวนรอกันเพียบ จนปลายสัปดาห์แล้ว AOT ไม่ลงไปดั่งที่ บลจ.สีเขียว ได้ลั่นเอาไว้ จากหุ้นที่แมงเม่าอย่างเรา ๆ คิดว่าเป็นเสือนอนกินมาตลอด ตอนนี้น่าจะเป็นไปตาม sentimental ตลาดคือไม่สวนตลาดเท่าไหร่ และราคาก้อยังคงอยู่แบบนี้ นอกจาก สีเขียวหรืออีกเจ้านึงแล้ว ที่เหลือยังบอกให้ถือต่อด้วยซ้ำ
ต่อโพสต์ของ บลจ. สีเขียว นั้นที่ลั่นไว้ว่าไม่เห็นด้วยที่เยียวยาโดยไม่เข้าประชุมผู้ถือหุ้น และโพสต์ดังกล่าวได้ถูกลบออกไป แต่กระแสดังกล่าวมันได้กระเพื่อมไปไกล ประกอบกับมีกลุ่มการเมืองหยิบยกเรื่องนี้ไปเป็นประเด็น "รัฐเอื้อนายทุน" อีก มันดูอีรุงตุงนังกันเสียเหลือเกิน ผมก็ได้แต่นั่งเฝ้าสังเกตการณ์แบบตัวนิ่งๆ แต่ใจไม่นิ่ง (ดอยอยู่นิ่งไม่ค่อยไหว ฮา) เพราะผมก็อยากรู้เช่นกันว่าประเด็นดังกล่าวทั้งในสถานการณ์หุ้น และด้านการเมือง AOT จะออกมาตอบคำถามอย่างไร? รอจนเกือบถอดใจ แต่ในที่สุดเขาก็มา
และผมก็ได้มีโอกาสฟัง live ข่าวหุ้นเจาะตลาด ที่คุณนิตินัยออกมาชี้แจง ส่วนตัวแล้วผมว่ามันค่อนข้างชัดเจนนะ เพียงแต่ว่าการที่เราจะรับฟังคำชี้แจงนั้น มันต้องวางอะไรที่ขวางกั้นการรับรู้ลงไปก่อน แล้วค่อยทำความเข้าใจ ประเด็นที่ถูกเชื่อมโยงกับการเมืองว่าเอื้อนายทุน อันนี้ก็นานาจิตตังเนอะ ไม่ขอออกความเห็นใดๆ เพราะมันเป็นเรื่องมุมมองทัศนคติ และอีกอย่างสถานการณ์ที่มีโควิดมันไม่ปกติจริงๆ ประเทศอื่นสายการบิน ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการบิน นี่หนักมาก เลย์ออฟพนักงานกันเป็นทิวแถว ซึ่งเข้าใจได้นะครับว่าถ้ามันไม่มีเรื่องราวแล้วจู่ๆ จะมาทำกันแบบนี้ ผมก็คงไม่ทนเหมือนกันครับ
เท่าที่ผมหาข้อมูล คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ และอ่านข่าว มีสิ่งหนึ่งที่ผมว่าทำให้คนไม่เข้าใจ นั่นคือ "จำนวนผู้โดยสารในปีนั้นๆ "
ในเรื่องของการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีนั้น ทาง AOT จำเป็นอย่างมากที่จะต้องประมาณการว่าในปีนั้นจะมีผู้โดยสารเข้าประเทศ ใช้สนามบินปีนึงมีกี่คน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประมูลเอาไปประมาณการได้ว่าเขาจะสามารถทำเงิน ทำกำไร เพื่อจะเอามาจ่ายค่าตอบแทนให้กับ AOT ได้เท่าไหร่
เหมือนการบริหารตลาดนัด-ตลาดสดนั่นแหละ เจ้าของตลาดต้องบอกกับผู้เช่าแผง ว่าตลาดฉันมีคนเข้าวันละเป็นพันนะ
เธอก็ไปคิดมาแล้วกันว่าเธอจะขายได้วันละเท่าไหร่ แล้วก็จ่ายค่าแผงมาแล้วกัน แต่วันดีคืนร้ายโควิดมา เจ้าของตลาดต้องปิดตลาดตามนโยบายภาครัฐ
คนไม่เข้า ผู้เช่าขายของไม่ได้ แล้วจะเอาเงินจากที่ไหนกัน? ผู้เช่าแผงขายไม่ได้เขาก็จะหนีเอาด้วยหนา แล้วถ้าหนีไปจะหาคนเช่าใหม่จากในในสภาวะที่โควิดรายล้อมตัวขนาดนี้
เมื่อโควิดดับฝัน "ค่าตอบแทนสัญญาเดิม" เป็นไปได้ยาก....ก็ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริง
จะให้คิงเพาเวอร์จ่ายเงินค่าตอบแทนเท่าเดิมจะเกิดขึ้นจริงไหมในสภาวะแบบนี้ มองแบบโลกความเป็นจริงก็ส่ายหัวกันเป็นแถบ ว่ามันเป็นไปได้ยาก (แต่คนถือกองอยากได้ เพราะเอาเงินมาให้ฟรี ๆ หุ้นจะได้สูงๆ ไง แหม่) ปิดประเทศมาตั้งแต่มีนา จนตอนนี้เข้าเดือนสิงหาแล้ว จะไปเอาเงินจากไหนมาจากไหน ในเมื่อรายได้หลักคิงเพาเวอร์คือขายของให้นักท่องเที่ยวจีนแต่ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเลย!
สิ่งที่ ทอท. ทำได้ดีที่สุดคือต้องประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะตัวเองก็พานักท่องเที่ยวหรือผู้โดยสารมาใช้สนามบินไม่ได้เอง จะเปิดประเทศเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วจะให้เก็บเท่าเดิม ผมเป็นคิงเพาเวอร์ก็ไม่อยู่เหมือนกันแหละครับ ของขายไม่ได้จ่ายไม่ไหว แต่ถ้าคิงเพาเวอร์ไป ทอท. ก็แย่ ทางเลือกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ก็คงเป็นการเยียวยาคิงเพาเวอร์ให้อยู่กับ ทอท. ก่อน ไว้พายุฝนโควิดหายไป ก็จะได้กลับมาทำตามสัญญาจ่ายค่าตอบแทนได้เท่าเดิม ทางออกแบบนี้น่าจะวิน-วิน ที่สุดแล้วสำหรับทั้งสองฝ่าย นี่คือมุมมองของการบริหารให้ผ่านพ้นวิกฤติแบบเจ็บตัวน้อยที่สุดสำหรับการบริหารธุรกิจองค์กร
แต่ผมก็อยากจะทิ้งมุมมองอีกมุมหนึ่งก็คือคิงเพาเวอร์ก็เหมือนแหล่งขุมทรัพย์ของ AOT มาหลายสิบปีเหมือนกัน และประมูลสัมปทานใหม่ คิงเพาเวอร์ก็เป็นผู้ที่เสนอราคาสูงสุด ถ้าประมูลใหม่จะได้ราคาเดิมไหม? และถ้าไม่มีคนมาประมูลหละจะต้องทำอย่างไร?
สุดท้ายอยากให้นึกกลับกันฮะ ในฐานะที่เป็นเม่าน้อยๆ อยากให้จินตนาการดู ถ้าคุณเป็น AOT ในตอนนี้จะกำขี้ หรือกำตดดีครับ?
อ้างอิง: https://pantip.com/topic/40113190/