ราคาปาล์มตกต่ำเป็นเสมือนเกมส์การเมืองที่เวลาฝ่ายไหนเป็นรัฐฯ จะต้องถูกตีเรื่องราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำอยู่ร่ำไป ถ้าใครพอจำได้ เมื่อปีที่แล้วมีเรื่องฮือฮาด้วยการขึ้นราคาน้ำมันปาล์มกันแบบพรวดเดียว 10 บาท เพื่อสนับสนุนนโยบายกรมการค้าภายในเพื่อช่วยพี่น้องชาวสวนปาล์มที่ราคาผลผลิตตกต่ำซะเหลือเกิน ซึ่งจริงๆแล้วปาล์มมันควรจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะเรื่องไบโอดีเซลเอย หรือ ความต้องการในตลาดโลกเองก็มีทิศทางที่น่าจะดีแต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ
เพราะหลายๆคนเห็นความต้องการของตลาด แถมนโยบายขยายพื้นที่เพาะปลูกเลยทำให้ผลผลิตของประเทศเรามีออกมาค่อนข้างเยอะ แต่....จู่ๆ EU ประกาศแบนน้ำมันปาล์ม และ ผู้นำเข้ารายใหญ่อย่างอินเดียประกาศขึ้นภาษีทำให้เกิดภาวะของล้นตลาด ราคาเลยตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย และรัฐเราก็ออกนโยบายช่วยเหลือหลายทางละ แต่อย่างว่าของล้นตลาด ตามกฎอุปสงค์ อุปทาน ไม่มีทางเลือกที่ต้องหาทางจัดการปาล์มที่ล้นตลาดอยู่ไม่งั้นราคาไม่มีวันต่ำลงแน่ๆ
ในเรื่องนี้มีข่าววันก่อนที่เราสนใจมากคือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “ปาล์มยั่งยืน” มาช่วยพี่น้องชาวเกษตร แถมเค้ายังเคลมว่าเป็นเจ้าแรกของโลก (ฟังไม่ผิด “เจ้าแรกของโลก”) ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ควบคู่กันไป (Blockchain เผื่อใครไม่ทราบมันคือ รูปแบบการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหนึ่ง ที่ทำให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ เป็นเสมือนห่วงโซ่ (Chain) ที่ทำให้ block ของข้อมูลลิ้งก์ต่อไปยังทุกๆ คนเป็น โดยที่ทราบว่าใครที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริงๆ /
EA เอาไปเข้า Process ผลิตสารเปลี่ยนสถานะ หรือ PCM (Phase Change Material) ครับ เอาง่ายๆคือเอาปาล์มไปผ่านกระบวนการเพื่อให้ Output ออกมาเป็นรูปแบบอื่นๆ ที่มีมูลค่ามากกว่าเดิม อาทิ เอาไปเปลี่ยนเป็นผนังอาคารหรือเครื่องนุ่งห่ม พอเปลี่ยนเป็นของที่มูลค่าสูงขึ้น อุปสงค์จะสูงขึ้น ดังนั้นราคาปาล์มจะสูงขึ้นตามโครงสร้างอุปสงค์อุปทาน พอมารวมกับการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการ Blockchain แล้วแทบจะตรวจสอบทุกขั้นทุกตอนของกระบวนการทั้งหมดแถมป้องกันการลักลอบนำปาล์มเถื่อนมาขายได้อีกด้วย เจ๋งมาก
จากที่ฟังมาส่วนตัวเรามองว่า ปาล์มยั่งยืน น่าจะมาพลิกโฉมหน้าของธุรกิจปาล์มในประเทศและถ้าทำอย่างเป็นขั้นตอนและมีระบบอย่างที่พูดมาน่าจะแก้ปัญหาระยะยาวของปาล์มได้แน่นอน และอยากให้พัฒนาไปกับผลผลิตทางการเกษตรตัวอื่นๆของประเทศที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำตัวอื่นๆด้วย โดยใช้ปาล์มยั่งยืนเป็นแม่แบบเนี่ยแหละ อย่างน้อยเกษตรกรไทยก็จะได้มีทางออกอื่นๆที่เป็นระบบมาช่วยในระยะยาวได้อีกด้วย