ปีที่แล้ว (2562) เป็นปีที่สถานการณ์รักษ์โลก ดูแลสภาพแวดล้อมค่อนข้างเป็นกระแสไม่ว่าจะเป็นข่าวของมาเรียมที่นำไปสู่การรณรงค์ไม่ใช้ถุงพลาสติก ,สถานการณ์โลกร้อน และ Climate Change ที่เป็นกระแสอย่างรุนแรง ผ่านตัวละครเด็กหญิงนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนที่ทั้งโลกรู้จักอย่าง เกรียตา ทุนแบร์ย หรือแม้แต่สถานการณ์ที่เป็นกระแสอย่างรุนแรงอย่างผงฝุ่น PM 2.5 ซึ่งทำให้สินค้า หรือ การบริการต่างๆหันมาสนใจ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อตอบโจทย์กระแสรักษ์โลกอย่างเต็มตัว โดยในกระแสนั้นมีผลิตภัณฑ์อย่างนึงที่หลายคนหันสนใจ นั่นคือ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ที่ตอบโจทย์การลดภาวะมลพิษทางอากาศลง
โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากในปี 2559 มีจำนวน 9,606 คัน ในปี 2560 เพิ่มเป็น 11,983 คัน และในปี 2561 เพิ่มเป็น 20,204 คัน คาดว่าในปี 2562 จะทะลุถึง 3 หมื่นคัน (ตัวเลขของปี 62 ยังไม่ออก) และในปี 2563 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในจำนวนนี้จะเป็นรถยนต์ไฮบริด 60-70% เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 20-30% ที่เหลือเป็นรถยนต์บีอีวี หรือรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า 100% ซึ่งยังไม่มาก
ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะเป็นกระแสอย่างมาก หลายๆบริษัททุ่มทุนมหาศาลเพื่อพัฒนา และวิจัยระบบให้ตอบโจทย์ ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย แกนนำเรื่องรถไฟฟ้าอย่าง EA (บจก. พลังงานบริสุทธิ์ ที่ไม่ได้มีแค่รถไฟฟ้าเพราะมีเรือไฟฟ้าด้วย )ได้ใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อเดินหน้าโครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี และนวัตกรรมสถานีขาร์จที่พัฒนามาถึงอยู่ในห้างสรพพสินค้าแล้ว หรือแม้แต่ MG ที่เข้ามาตีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นปี นี่ยังไม่นับรวมถึงหลายๆยี่ห้อที่กำลังตบเท้าเข้ามาลุยในประเทศไทยอย่างคึกคัก ซึ่งคาดว่า Motor Show ในปีนี้เราคงจะได้เห็นรถ EV ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆให้เลือกซื้อกันอย่างคึกคักแน่นอน
ในขณะที่ฝากรัฐ เริ่มขยับตัวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดตั้งกองทุนฯ กองทุนส่งเสริมและพัฒนารถ EV การส่งเสริมเรื่องภาษี หรือแม้แต่ รมว.พลังงานเองที่ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนโดยการเตรียมแผนการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อให้ครอบคลุมทั้งระบบ โดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ ที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การเป็นฐานผลิตแบตเตอรี่ของภูมิภาค พร้อมเป้าหมายให้ไทยเป็นผู้นำด้านรถยนต์อีวีในภูมิภาคนี้ โดยคาดว่าการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า จะใช้เวลาภายใน 5 ปี คือ ตั้งแต่ปี 2563-2567 ซึ่งจะสอดรับกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2561-2580 หรือแผน PDP 2018 ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิตไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต
จากภาพรวมสถานการณ์ทั้งหมดปี 2563 นี้จะเป็นปีที่เราๆท่านๆคงพบเห็นรถยนต์ไฟฟ้าบนถนนบ่อยขึ้น และคงได้เห็นการทำการตลาดกันอย่างคึกคัก รวมถึงภาครัฐคงมีมาตรการเด็ดๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังผู้บริโภคให้เข้ามาจับจ่ายรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น โดย จขกท.เองก็มีรุ่นรถในใจที่เล็งๆไว้อยู่บ้างแล้ว เชื่อว่าท่านกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานน้ำมันในปีนี้ ลองหันมามองเทรน์ตรงนี้ดู ไม่แน่ ท่านอาจได้ช่วยรักษ์โลก ลดภาวะผงฝุ่น PM2.5 แถมประหยัดเงินในระยะยาวผ่านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็เป็นได้
ที่มาข้อมูล :