ปัญหาที่มนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่างเราจำเป็นจะต้องเจอในห้องสัมภาษณ์คือ “คุณมุ่งหวังค่าตอบแทนรายเดือนเท่าไหร่” เชื่อว่าผู้คนจำนวนมีตัวเลขในใจมาอยู่แล้วล่ะ แต่เมื่อบอกค่าตอบแทนรายเดือนที่ปรารถนาออกไป สิ่งที่ตามมาคือการเจรจาต่อรองค่าตอบแทนรายเดือนที่ทำเอาเราลำบากในการต่อรองเงินเดือนเลยทีเดียว
โดยมากคนประเทศไทยมีนิสัยขี้เกรงใจรวมถึง เวลาหางาน เวลาถูกต่อค่าตอบแทนรายเดือน ก็จะยอมก็เพราะเหตุว่าคิดไปว่าถ้าไม่ยอมบริษัทอาจไม่ว่าจ้างเราหรือหาคนใหม่ที่เรียกเงินน้อยกว่า จนแปลงเป็นว่าตนเองเป็นเพียงแต่ตัวเลือกของบริษัท ทั้งๆที่เรื่องจริงแล้วทั้งคู่ฝ่ายก็มีสิทธิเลือกกันทั้งสอง
วันนี้เรามีเทคนิคการต่อรองเงินเดือนในการสัมภาษณ์งานมาฝากกัน 5 ข้อเด็ดๆ
หลายๆคนเพิ่มเติมอีกการเสี่ยงให้ตนเองด้วยซ้ำการลาออกก่อนได้งานใหม่ซะอย่างงั้น ผู้ว่าจ้างโดยทั่วๆไปให้ credit กับผู้สมัครที่มีงานทำมากยิ่งกว่าผู้สมัครที่ตกงาน ก็เพราะว่าเขาจะคลางแคลงใจว่าเพราะเหตุใดเราจึงรีบออกมาจากงานกะทันหัน หรือแน่ใจว่ายังไงเราก็ควรต้องตอบรับเข้าดำเนินงาน ถึงจะถูกกดเงินเดือน ก็เพราะว่าไม่ได้อยากตกงานนาน ๆ ด้วยเหตุนั้นถ้าอยากถือไพ่เหนือกว่าในการเจรจาต่อรองอย่าเพิ่งจะด่วนใจร้อนเกินจำเป็น
นอกเหนือจากนี้แม้ HR จะแจ้งว่าเราผ่านสัมภาษณ์แล้ว แต่อยู่ดี ๆ นิ่งหายไป หรือมาบอกแคนเซิลทีข้างหลังก็อาจกำเนิดขึ้นได้ ให้คิดเสมอว่าไม่มีอะไรเป็นพื้นรับรองว่าเขาจะรับเราจวบจนกระทั่งจะเกิดการเซ็นรับปากเป็นลายลักษณ์อักษร
ไม่มีผู้ใดอยากเป็น “ตัวเลือก” ของใคร เราควรต้องทำตนเองให้มีช่องทางอยู่ตลอด ใช้วิชาแอคติ้งเข้าช่วยด้วยซ้ำการคีพลุคให้ดูเป็นคนใจเย็น ประหนึ่งว่าเรามีข้อเสนอตำแหน่งงานจากบริษัทชั้นหนึ่งมาให้เลือกเป็นสิบ แม้เรื่องจริงเราคงจะปรารถนางานนี้มากก็ตาม เพราะว่าผู้ว่าจ้างจะมองเราเป็นของตายมีความรู้สึกว่าสามารถกดเงินเดือนให้ต่ำกว่าที่เราขอไว้ได้ไม่ยาก
การเลือกคนเข้าดำเนินงานก็ราวกับการเลือกซื้อของ แน่ๆว่าเราควรต้องเลือกซื้อของที่คุ้มกับเงินที่เสีย ผู้ว่าจ้างก็ด้วยเหมือนกัน เขาจะเลือกว่าจ้างผู้ที่รู้สึกว่าคุ้มกับเงินเดือนที่จ่ายไปเยอะที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ควรต้องบากบั่นขายตนเองให้เขาตกลงใจเลือกเรา ด้วยซ้ำการบอกเล่าที่มาของปริมาณเงินที่ขอไป เราคงจะเอ๋ยถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงานก่อนหน้าที่ผ่านมา หรือวิชาความรู้ความรู้ความเข้าใจที่นำมาพัฒนาหน่วยงานได้
นิสัยขี้เกรงใจและห่วงใยวิชาความรู้สึกของบุคคลอื่นมากจนเกินไป ไม่สมควรนำมาใช้ในการเจรจาต่อรองค่าจ้างรายเดือน ขึ้นชื่อว่า “ธุรกิจ” ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างล้วนมีผลตอบแทนเข้ามาเกี่ยวพันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นให้เราคิดเสมอว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างคือธุรกิจและเราเป็นฟันเฟืองชิ้นหนึ่งที่สร้างประโยชน์ให้บริษัทได้ เราควรได้รับค่าทดแทนที่เหมาะ เมื่อทางเจ้านายต่อรองค่าจ้างรายเดือนเข้ามาในคราวแรก อยากให้เข้มแข็งเข้าไว้ ก็เพราะเหตุว่าก่อนตกลงใจเรียกเงินไป เราคิดมาอย่างยอดเยี่ยมแล้วแหละว่ามันเหมาะอย่างยิ่งมากแค่ไหนกับวิชาความรู้ความรู้ความเข้าใจที่เรามี เพราะฉะนั้นอยากให้มั่นอกมั่นใจและมองผลตอบแทนตนเองมาเป็นประการแรก
ถ้าใจลึก ๆ เราปรารถนางานนี้ ก็อาจลองถามบริษัทดูอีกครั้งว่าเกิดการปรับค่าจ้างรายเดือนข้างหลังผ่านโปรไหม หรือถ้าเราทำผลงานดี จะได้โอกาสปรับขึ้นค่าจ้างรายเดือนรึเปล่า แต่หากผลท้ายที่สุดการต่อรองไม่เป็นไปดังที่มุ่งหมาย ก็จำเป็นต้องกลับมานั่งลงคิดพิจารณาให้ดีอีกทีว่าสิ่งที่เขาให้มานั้นเหมาะกับหน้าที่ที่จำเป็นต้องรับผิดชอบและความรู้ความเข้าใจของเรา หรือพอเพียงต่อค่าครองชีพต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันรึเปล่า ถ้าคำนวณทุกๆสิ่งทุกๆอย่างรวมกันแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่า ให้เลือกปฏิเสธออกไปจะดียิ่งกว่า