วันก่อนทาง จขกท. ได้เห็นช่องข่าว Work point เอาสมรรถนะกับราคาของรถไฟฟ้ามาเปรียบเทียบกัน โดยเนื้อหาหลักๆ คือ คู่แข่งรถไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างมาก มากขนาดที่ว่า“เทสล่า” เจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากสหรัฐฯ ผู้บุกเบิกวงการรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2003 ต้องต่อสู้กับการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเทสล่าเผยผลประกอบการไตรมาสแรก ในปี 2019 ว่ามียอดการส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าจำนวน 63,000 คัน ซึ่งน้อยกว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 ที่เทสล่าส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ถึง 86,555 คันซึ่งแสดงให้เห็นถึงตลาดรถไฟฟ้ามีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างมาก [https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1024069534628991&id=153951094974177]
ด้วยโครงสร้างของอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าตอนนี้ที่น่าจับตามองอย่างมาก ทั้งที่ต้นทุนการผลิตที่ถูกลง ตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นทำให้ราคาแบตถูกลง รวมถึงปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้นโยบายเรื่องเครื่องยนต์ที่ต้องลดการปล่อยมลพิษที่ทำให้หลายประเทศต้องหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นความพร้อมของสถานีจ่ายไฟและสมรรถนะเครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายคนหันมาสนใจอยากจับจองรถไฟฟ้ามากขึ้นอย่างแน่นนอน ซึ่งสิ่งที่ จขกท. มั่นใจว่ามีปัจจัยหลักในการตัดสินใจในการเลือกคือ “ราคา” vs “สมรรถนะ” แน่นอน เรามาดูกันว่าในลิสต์รายชื่อที่มีคันไหนน่าสนใจที่สุด
ในลิสต์รายชื่อนี่มีทั้งหมด 5 รุ่นที่ถูกจับมาเปรียบเทียบ ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างครอบคลุมรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ อยู่ โดยจะขอข้ามในส่วนของสมรรถนะอย่างอื่นไป ขอโฟกัส 2 ส่วนหลักๆคือ ราคา กับ ระยะที่วิ่งได้เป็นหลัก
1.Audi e-tron :ราคาขาย 5.099 ลบ.วิ่งได้ 328 Km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
2.BMW I3s :ราคาขาย 1.4 ลบ. (ราคาขายสหรัฐฯ)วิ่งได้ 246Km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
3.Tesla Model x performance : 3.2 ลบ. (ราคาสหรัฐฯ)วิ่งได้ 490Km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
4.Nissan Leaf :1.99 ลบ.วิ่งได้ 346Km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
5.MINE SPA1 : 1.2 ลบ.วิ่งได้ 200Km ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
จากข้างต้นมีราคาอยู่ 2 รุ่นที่ยังไม่รู้ราคาในไทย (หรือใครรู้แล้วฝากบอกหน่อย) คือ BMW I3s กับ Tesla Model x ซึ่งส่วนตัวคาดว่าเข้ามาในไทยมี บวกอีกเฉียดล้านแน่นอน กลายเป็นว่าใน 5 รุ่นที่กล่าวมา Tesla น่าจะแพงที่สุด แต่วิ่งได้มากสุด ในขณะที่ของไทยอย่าง MINE SPA1 ราคาถูกสุดแต่วิ่งได้น้อยสุด
ถ้าตัดเรื่องวิ่งได้กี่กิโลต่อการชาร์จ 1 ครั้งไปละก็ต้องมาดูที่ความเร็วสูงสุดที่รถสามารถทำได้ พบว่า Tesla Model X ทำความเร็วได้สูงสุดอยู่ที่ 250 km/Hr ในขณะที่ Nissan Leaf ทำความเร็วได้ต่ำสุดที่ 120 Km/Hr
เมื่อมองภาพรวมๆแล้วในฐานะคนซื้อควรซื้อรุ่นไหนดี? ส่วนตัว จขกท. มองว่าราคารถไฟฟ้าที่รับได้อยู่ในช่วง 6 แสน - ไม่เกิน 2 ล้านบาท เพราะอะไร เพราะว่าถ้าราคาเกินนั้น สู้ซื้อรถน้ำมันที่ราคาต่ำล้าน (6 – 9 แสน) แล้วเก็บส่วนต่างไปไว้ใช้บำรุงรักษากับเติมน้ำมันดีกว่า (เฉลี่ยบำรุงรักษา ปีละ 200,000.- บาท ได้ 5 – 8 ปีเลยนะ) เมื่อมองราคาแล้ว ก็เหลือNissan leaf กับ MINE ของคนไทยที่ราคาคาดว่าน่าจับต้องได้ แต่พอมองไปถึงจุดชาร์จกับการบำรุงรักษา MINE กลับทำได้ค่อนข้างดีกว่า เพราะ มีสถานีจ่ายไฟให้บริการถึง 200 สาขา และมีศูนย์บริการกว่า 30 สาขาแล้วอีกทั้งยังเป็นรถของประเทศไทยด้วยคาดว่ารัฐฯน่าจะมีอะไรสนับสนุนอีกเยอะ (แค่ลดภาษี กับ ลดราคาแบตก็โคตรคุ้มละ) ส่วนตัวเลยคิดว่า MINE น่าจะตอบโจทย์ที่สุด แล้วทุกท่านที่สนใจรถไฟฟ้าละ สนใจรุ่นไหน เพราะอะไร ลองมาพูดคุยกันครับ
เครดิต: พันทิพ
https://pantip.com/topic/39243348