เกจวัดมีทั้งหมด 8 ประเภท (วัดรอบไม่ขอพูดถึงนะครับ) ดังนี้
1.เกจวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (WATER TEMP METER)
มีหน้าที่วัดความร้อนของหม้อน้ำ แตกต่างจากมาตรวัดความร้อนที่มาจากโรงงานคือมาตรวัดเดิมจากโรงงานไม่ได้อ่อนไหวในเรื่องของความร้อนมากนัก ค่าที่แสดงให้เห็นจึงไม่ละเอียด ซึ่งสำหรับรถแต่งที่มีการทำเครื่องมา ค่าความร้อนที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เครื่องเสียหายได้
2. เกจวัดโวลท์ มิเตอร์ (VOLT METER)
วัดกระแสไฟฟ้าของแบตเตอรี่รถยนต์ว่าเหลือเท่าไหร่หรือแบตเตอรี่รถยนต์มีอาการผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเหมาะกับรถที่ทำเครื่องเสียงอย่างมาก
3. เกจวัดแวคคั่ม มิเตอร์ (VACUUM METER)
เกจวัดตัวนี้จะตอบสนองกับอัตราการเหยียบคันเร่ง คือแสดงค่าตามแรงดูดของเครื่องยนต์ เช่น เวลาถอนคันเร่ง ค่าแวคคั่มจะยิ่งสูง เวลาเหยียบคันเร่งค่าแวคจะลดลงเข้าใกล้เลข0
4.เกจวัดแรงดันเทอร์โบ มิเตอร์ (TURBO METER)
เกจวัดตัวนี้หน้าที่เหมือนกับตัวแวคคั่มทุกประการ เพียงแต่เปลี่ยนค่าที่แสดงออกมาเป็นค่าของ บูสต์ คือค่าการทำงานของแรงดันอากาศที่เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยแค่ไหน
5. เกจวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง (OIL TEMP METER)
หน้าที่เหมือนกับเกจวัดอุณภูมิหม้อน้ำ แต่เปลี่ยนเป็นวัดความร้อนของน้ำมันเครื่องแทน มีความสำคัญมากสำหรับรถแต่ง เพราะมีผลกระทบกับเครื่องยนต์โดยตรง หากว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องต่ำหรือสูงเกินไปย่อมไม่ดีต่อการใช้งาน
6. เกจวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง (OIL PRESSURE METER)
เกจวัดตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง เวลาที่เครื่องยนต์ทำงาน น้ำมันเครื่องจะโดนความร้อนและเริ่มเปลี่ยนสภาพและเหลวขึ้น ประสิทธิภาพก็จะลดลง ซึ่งการสึกหรอจนถึงการระบายความร้อนให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ก็จะลดประสิทธิภาพลงตามไปด้วย
7.เกจวัดแรงดันเชื้อเพลิง (FUEL PRESSURE METER)
เอาไว้เช็คแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงว่าในขณะที่เหยียบคันเร่งแล้วน้ำมันขึ้นมาตามปริมาณที่เรากดลงไปบนคันเร่งหรือไม่ ซึ่งบอกได้ถึงระบบการจ่ายน้ำมันว่ายังปกติดีอยู่หรือไม่
8. เกจวัดอุณหภูมิท่อไอเสีย (EX. TEMP METER)
มีหน้าที่วัดอุณหภูมิของไอเสีย ซึ่งจะช่วยบอกความสมบูรณ์ของส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศได้เพื่อให้สามารถปรับแต่งส่วนผสมให้ได้ประสิทธิภาพการเผาไหม้สูงสุด และช่วยให้รู้ถึงความผิดปกติของระบบน้ำมันได้ว่าบางหรือหนาไปหรือเปล่า
ข้อมูลจาก http://sunkeyzing.blogspot.com/2016/10/gauge-meter.html