เรียบเรียงข้อมูลโดย clipmass.com
ในแต่ละปี จะมีเด็กทารก 1 ใน 33 คน ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ ซึ่งแพทย์เชื่อว่า อาจมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้ยาของแม่ในระหว่างตั้งครรภ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ที่ผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในช่วงสัปดาห์ที่ 8-10 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นระยะที่ลูกน้อยของคุณกำลังพัฒนาสมอง หัวใจและปอด ฤทธิ์ของยาอาจนำไปสู่ความบกพร่องในอวัยวะเหล่านี้ได้
หากจำเป็นต้องใช้ยาจริง ๆ กรุณาหลีกเลี่ยงยา หรือวิธีการทางการแพทย์ดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความบกพร่องต่อตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ของคุณได้
แอสไพริน – ยาแก้ปวดศีรษะและไมเกรน
คาร์บามาซิพีน (Carbamazepine) – ยารักษาโรคลมชัก
แคปโตพิล (Captopil) – ยารักษาความดันโลหิตสูง
ดิสทิลโบเอสตรอล (Distilboestrol) – ฮอร์โมนชนิดเม็ด
ฟลูโอซิทีน (Fluoxetine) – ยารักษาอาการซึมเศร้า
ลิเธียม (Lithium) – ยารักษาอาการอารมณ์แปรปรวน
มาลาโรน (Malarone) – ยาป้องกันโรคไข้จับสั่น
พอนสแตน (Ponstan)- ยาแก้ปวด
ฟีไนโทอิน (Phenytoin) – ยารักษาโรคลมชัก
โร-แอคคิวเทน (Ro-accutane) – ยารักษาสิว
ซินเฟล็กซ์ (Synflex) – ยาแก้ปวดศีรษะและไมเกรน
เตตราไซคลิน (Tetracycline) – ยาปฏิชีวนะใช้รักษาโรคติดเชื้อในช่องอกและช่องคลอด
ธาลิโดไมด์ (Thalidomide) – ยาแก้อาการแพ้ท้อง
วิตามินเอปริมาณมาก – ปริมาณที่แนะนำในช่วงตั้งครรภ์คือ 8,000 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน
วาร์ฟาริน (Warfarin) – ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
เอ็กซ์-เรย์ – โดยเฉพาะหากร่างกายจะได้รับรังสีมากกว่า 5 R (หน่วยของปริมาณรังสีที่ได้รับ)
ขอบคุณข้อมูลจาก : theasianparent