เหยื่อกามทหารญี่ปุ่นถามหาความเป็นธรรม เผยต้องรับแขกวันละครึ่งร้อย

 

ภาพจาก JUNG YEON-JE / AFP

            

             กลุ่มหญิงชราชาวเกาหลีใต้ในวัยกว่า 90 ปี อดีตเหยื่อบำเรอกามทหารแดนอาทิตย์อุทัย สมัยสงครามโลก รวมตัวฟ้องค่าเสียหายและเรียกร้องคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากญี่ปุ่น ความเลวร้ายยังคงหลอกหลอนแม้เวลาล่วงไป 70 ปีแล้ว หนึ่งในเหยื่อเผย ต้องรับแขก 40-50 คนต่อวัน

             วันที่ 30 มิถุนายน 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล  เผยเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นน่าเพ่งเล็งระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เมื่อกลุ่มหญิงชรา 12 คน รวมตัวกันเรียกร้องเงินชดเชยมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 300 ล้านบาท) และคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลญี่ปุ่น จากการที่พวกเธอต้องตกเป็นทาสบำเรอกาม หรือ คอมฟอร์ท เกิร์ล (Comfort Girl) แก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2475-2488)

 

ภาพจาก CHOI WON-SUK / AFP

             นางลี อ๊ก ซอง วัย 87 ปี หนึ่งในเหยื่อที่ร่วมร้องเรียน เผยอดีตที่เจ็บปวดของตัวเองว่า เธอถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปตั้งแต่อายุ 15 ปี นำเธอไปขังไว้ที่คอมฟอร์ท สเตชั่น หรือ "ซ่อง" ในเมืองหยานจิน ซึ่งอยู่ในแนวพรมแดนจีน-เกาหลี (ซึ่งกำลังถูกญี่ปุ่นยึดครอง) บังคับให้เธอต้องบำเรอกามให้ทหารญี่ปุ่นถึงวันละ 40-50 คน และยังถูกทรมานทุบตีอย่างทารุณ ยิ่งเป็นนายทหารยศสูงก็ยิ่งโหดร้าย นางลียังโชว์แผลเป็นเป็นแนวยาวที่แขนให้ดู เล่าว่าได้มันมาตอนพยายามหนีออกจากซ่อง แต่โดนทหารยามจับตัวได้ ใช้มีดฟันเข้าที่แขนเธอ แล้วลากกลับมาขังไว้ที่เดิม

             ความโหดร้ายยังทิ้งร่องรอยความทารุณไว้กับนางลีมาจนถึงทุกวันนี้ เธอมีปัญหาในการมองเห็น การได้ยิน และฟันหักไปหลายซี่ อันเป็นผลจากการถูกทุบตี นอกจากนี้ยังเป็นหมันไม่สามารถมีบุตรได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของยารักษาโรคซิฟิลิส (cpmpound 606) ที่ได้รับ

 


             ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเองดูจะตระหนักถึงความเลวร้ายที่ตนก่อไว้ในอดีต ในปี 2536 เลขาธิการใหญ่ของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น นายโยเฮ โคะโนะ ได้เสนอเรื่องการแถลงขอโทษเหยื่อชาวเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นของนายชินโซ อาเบะ เผยว่าจะพิจารณาการขอโทษใหม่อีกครั้ง โดยระบุว่า ญี่ปุ่นไม่ได้มีส่วนในการทำร้ายหรือบังคับใครเป็นทาสกาม ทั้งยังระบุว่าเคยชดเชยเงินค่าเสียหายให้แล้วในปี 1965 แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ขณะนั้นนำเงินไปใช้ในการสนับสนุนงานระบบโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน มากกว่าที่จะนำไปชดเชยให้กับเหยื่อสงครามที่รอดชีวิต

 

 

           ยู ฮี นัม วัย 88 ปี เหยื่ออีกรายที่ร่วมฟ้องและเรียกร้องคำขอโทษจากญี่ปุ่น เผยด้วยความโกรธเคืองว่า รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ บอกว่าพวกเธอไม่ได้ถูกลักตัวไปเพื่อเป็นเหยื่อบำเรอกาม แต่พวกเธอขายตัวเพื่อแลกเงินโดยสมัครใจ พูดว่าญี่ปุ่นไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้ง ๆ ที่ชาวญี่ปุ่นเองต่างก็ตระหนักถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องการฟ้องร้องเพื่อทวงคืนความยุติธรรม และยังกล่าวต่อไปว่า การออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ทำให้ลูกหลานของเธอทราบความจริงในอดีตไปด้วย และพากันอับอาย ตอนนี้เธออยากจะรีบตายไปเสียให้ไว ๆ

 


             ทั้งนี้ คาดคะเนว่ามีหญิงที่ตกเป็นเหยื่อบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นมากถึง 200,000 ราย แต่ในปัจจุบันเหลือเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่เพียง 49 คนเท่านั้น และอายุเฉลี่ยของพวกเธอก็มากถึง 90 ปีเข้าไปแล้ว เวลาในการทวงคืนความยุติธรรมจากญี่ปุ่นให้ได้ก็คงเหลืออยู่อีกไม่นาน



ภาพจาก pilgrimwithapassport.blogspot.com , oneluckysoul.blogspot.com ,peaceandjustice.freeforums.net

Credit: http://hilight.kapook.com/view/122679
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...