เรื่องราวเกี่ยวกับสายลับในอดีต

ในตอนเด็กหลายคนอยากเป็น James Bond 
จะได้ครอบครองอุปกรณ์พิเศษ รถยนต์ ผู้หญิงมากมาย
แต่เรื่องจริงคือ  มีสายลับทุกหนทุกแห่งทั่วโลก

อาชีพสายลับสามารถทำได้ไม่ยากนัก
ถ้าสามารถพัฒนาตนเองได้ตามตัวอย่างของสายลับเหล่านี้



1.) Wilfred Biffy Dunderdale ทำงานเป็นสายลับ MI5 ของอังกฤษ
คือ สายลับในหนังสือสายลับ James Bond  ที่ Ian Fleming เขียน
เพราะทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนซี้กัน ทำให้รับรู้เรื่องราวชีวิตสายลับมาใช้ในงานเขียน



2.) เรื่องเศร้าหรือเรื่องตลก ?  CIA ลงทุนกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในการติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังและสอนแมวให้ทำหน้าที่สายลับในโซเวียตรัสเซียในช่วงปี 1960
แต่ภาระกิจครั้งแรกล้มเหลว เพราะแมวถูกรถแท็กซี่ชนตายกลางถนน
ในวันแรกที่ปล่อยตัวออกจากรถยนต์สายลับ CIA ให้ไปทำหน้าที่สายลับ



3.) สถานีวิทยุคลื่นสั้นจำนวนหลายสถานี มีการติตตั้งและใช้งานกันมากตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
มีหลายสถานีที่ส่งรหัสลับ/ข้อมูลราชการลับที่เข้ารหัสไว้  ไปกับการออกอากาศของสถานีวิทยุจนถึงทุกวันนี้



4.) ย้อนกลับไปในอดีต  ฟิล์มที่ถ่ายจากดาวเทียมสอดแนม จะถูกส่งลงมายังพื้นโลก  
โดยจะมีเครื่องบินบินขึ้นไปรับกลางอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายศัตรูสามารถเก็บฟิล์มสอดแนมได้



5.) Sarah Edmonds สายลับสตรีชาวแคนาดาของฝ่ายเหนือ  ในข่วงสงครามเลิกทาสสหรัฐอเมริกา 
เธอปลอมตัวเป็นชายผิวดำแฝงตัวเข้าร่วมรบในค่ายทหารกองทัพฝ่ายใต้แห่งหนึ่ง
แล้วขโมยเอกสารสำคัญทางการทหารได้จำนวนมากก่อนที่จะเผาทำลายค่ายแห่งนั้นทิ้ง  
แล้วหนีกลับไปที่ฝ่ายเหนือในภายหลัง



6.) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 Stubby เป็นสุนัขตัวเดียวที่ได้รับเลื่อนชั้นเป็นนายสิบ
เพราะผลงานนับครั้งไม่ถ้วนในการเตือนภัยจากแกีสพิษมัสตาร์ด (อาวุธเคมีในสมัยก่อน)
ช่วยทหารไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สพิษ  และยังจับสายลับเยอรมันนี้ได้หนึ่งคน



7.) Roald Dahl นักเขียนนิยายเด็กที่มีชื่อเสียงมาก 
(แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าเขาเป็นสายลัยสหราชอาณาจักรช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
เขาเป็นชายชู้และร่วมหลับนอนกับสตรีชาวอเมริกันนับไม่ถ้วน
เพื่อทำภาระกิจในการหาข่าวกรองที่หลุดปากจากบรรดาสามีของชู้ตนเอง



8.) Saddam คิดถูกแล้วที่เชื่อว่าบรรดาผู้ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์  คือ  พวกสายลับของสหรัฐอเมริกา

 



9.) Lollapalooza คือชื่อเทศกาลดนตรีในตอนนี้
แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันใช้คำนี้ตรวจสอบสายลับญิ่ปุ่น
ในการทำสงครามแถวมหาสมุทรแปซิฟิค เพราะสายลับญี่ปุ่นมักจะอ่านออกเสียงเป็น rorrarooza
(เหมือนตำรวจไทยมักตรวจสอบคนต่างด้าวด้วยการร้องเพลงชาติไทย หรือเพลงลอยกระทง)



10.) แม้ว่าเกาหลีเหนือจะติดต่อกับชาติอื่น ๆ น้อยมาก
แต่ชาตินี้มักจะลักพาตัวคนชาติต่าง ๆ เช่น คนเกาหลีใต้ประมาณ 485 คน
คนชาติอื่น ๆ เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย และอิตาลี
เพื่อให้สอนภาษา/วัฒนธรรมของคนชาตินั้นในโรงเรียนสายลับเกาหลีเหนือ
(เพื่อแฝงตัว/ใช้ประโยชน์ในการทำหน้าที่เป็นสายลับ)



11.) Kim Philby หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่อต้านโซเวียตรัสเซีย
หน่วยสืบราชการลับ MI6 ของอังกฤษในช่วงปี 1960
กลับกลายเป็นสายลัยของโซเวียตรัสเซียเสียเอง



12.) สายลับจำนวนมากสามารถแกะรหัสการเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์ของฝ่ายตรงข้าม
จากการฟังเสียงในการเคาะแป้นคีย์บอร์ด  โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาซอฟร์แวร์ใด ๆ



13.) ในช่วงปี 1800 ที่ Hartlepool สหราชอาณาจักร
มีลิงตัวหนึ่งรอดตายจากเรือล่ม  แต่ชาวเมืองต่างตัดสินว่ามันเป็นสายลับฝรั่งเศส
จึงจัดการแขวนคอมันอย่างทารุณ



14.) Gevork Vartanian สายลับโซเวียตชาวอาร์เมเนีย วัย 19 ปีเท่านั้น
ตอนทำหน้าที่สายลับในอิหร่าน  เขากับทีมงานหลอกลวงนาซีเยอรมันนี
จนแผนการลอบสังหาร Stalin, Roosevelt กับ Churchill ล้มเหลว
ระหว่างที่มีการนัดหมายประชุมสุดยอดผู้นำที่ Tehran



15.) George Koval คือ สายลับที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
เพราะช่วยให้โซเวียตรัสเซีย ได้เอกสารลับ/สำคัญในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
ขณะที่เขาเข้าร่วมโครงการผลิตอาวุธนี้ในโครงการ Manhattan Project
และเขาทำงานเพียงลำพังในการขโมยเอกสารสำคัญของโครงการนี้
ความลับนี้เพิ่งจะถูกเปิดเผยในปี 2002



16.) เพิ่งจะรู้กันในปี  2009 ว่า Ernest Hemingway นักเขียนนวนิยาย
คือ สายลับ KGB (โซเวียตรัสเซีย) ที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว



17.) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1  ทหารเยอรมันสร้างต้นไม้ปลอมสูง 25 ฟุต
โครงสร้างภายในเป็นท่อเหล็กขนาดใหญ่เพื่อใช้สอดแนมทหารสัมพันธมิตร 
ในการสร้างครั้งนั้น มีการตัดต้นไม้ลงด้วยขวาน 
ขณะที่มีการยิงปืนไปเป็นระยะ ๆ เพื่อกลบเสียงตัดต้นไม้



18.) Chevalier d'Eon ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า เขาเป็นสตรีสูงศักดิ์ในฝรั่งเศสในช่วงวัยรุ่น 
แต่ที่จริงเขาเป็นสายลับฝรั่งเศส นักการทูต นักดาบ นายทหาร
เรื่องนี้เพิ่งจะทราบกันหลังจากที่เขาตายในปี 1810



19.) เยอรมันนีส่งสายลับพร้อมเงินสืบราชการลับไปที่แคนนาดาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่สายลับคนนี้กลับหลงรักประเทศนี้  เลยเข้ารายงานตัว/สารภาพผิดกับทางการใน Ottawa
แต่ทางการไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด เพราะเขาไม่เคยทำความเสียหายแต่อย่างใดให้กับบ้านพักแห่งใหม่ของเขา



20.) สายลับสหราชอาณาจักร มักทำตัวเหมือนคนโง่ ไร้สติ 
หรือนักท่องเที่ยวประเภทบ้า ๆ บอ ๆ หมกมุ่นกับการร่างภาพใบไม้หรือผีเสื้อที่ตนเองสนใจ 
ทั้งนี้เพื่อส่งข่าวสารข้อมูลลับที่ตั้ง/แผนที่ทางทหารของฝ่ายศัตรู

Credit: http://www.oknation.net/blog/ravio/2014/09/20/entry-1
24 มิ.ย. 58 เวลา 12:05 2,710 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...