5 สุดยอดสไนเปอร์ แห่งประวัติศาสตร์ ตอนจบ

จาง เท่าฝาง สุดยอดสไนเปอร์แห่งเมืองจีน 
Zhang Taofang a most sniper of China

 จาง เท่าฝาง (Zhang Taofang) เท่าฝางเกิดในปี ค.ศ.1931(แต่ไม่รู้วันเกิด สงสัยช่วงนั้นบ้านเมืองในจีนวุ่นวายมั้ง?) เป็นทหารจีนในกองทัพอาสาประชาชนจีน(Chinese People's Volunteer Army) ซึ่งเป็นกองทัพจีนในเกาหลีของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(Peoples Liberation Army) จีนได้ส่งกองทัพช่วยเกาหลีเหนือสู้รบกับกองทัพสหประชาชาติที่บุกข้ามเส้น ขนานที่ 38 หวังรวมเกาหลีเหนือเข้ากับเกาหลีใต้จนกลายเป็นเกาหลีเดียว เท่าฝางนับเป็นสไนเปอร์คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ และมียอดสังหารทหารของข้าศึกไป 214 ศพ ภายในเวลาแค่ 32วัน(เทพอีกละ) และที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นสไนเปอร์ที่ไม่ใช้กล้องเล็งขยายเป้าเลย (เทพแบบซิโม ฮายฮา)

สงครามเกาหลี



ในวันที่ 11 มกราคม ปีค.ศ.1953 จางได้เข้าสมัครลงทะเบียนเป็นทหารเข้าสู่กองทัพแดง จางได้เข้าประจำการอยู่ในกองทัพเป็นเวลาสองปีด้วยกัน โดยเข้าประจำอยู่ใน กองร้อยที่ 8,กรมทหารที่ 214,กองทหารที่ 24 จางได้ถูกส่งไปยังแนวรบที่ ชาง กาน ลิง(Shang Gan Ling) โดยได้รับอาวุธเป็นปืนยาวโมซิน นากังค์(Mosin-Nagant) ที่มีสภาพเก่า และยังปราศจากกล้องเล็งแบบพียู(PU scope) ตามที่ปืนซุ่มยิงโมซิน นากังค์ ของพลซุ่มยิงโซเวียตใช้ควรจะมีด้วย



จางกับศูนย์เล็งเหล็กที่ปรับปรุงแล้วของเขา

ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน จางสามารถสังหารข้าศึก 7 คน ได้ด้วยการยิงกระสุนไปเพียง 9 นัด (พลาดไปแค่ 2ลูก เอง) นับว่าฝีมือเหนือกว่าสไนเปอร์ที่ว่าชำนาญแล้ว(ขั้นเทพเหนือเทพ) จางจึงเป็นทหารจีนที่เหนือกว่าสหายคนอื่นๆในกองทัพเดียวกัน ต่อมาเมื่อทหารฝ่ายสหประชาชาติได้ทำการยิงรบกวนแนวของคอมมิวนิสต์ จางจึงได้ทำการยิงพวกยูเอ็นที่ยิงมาจากอีกฝั่งอย่างสม่ำเสมอ โดยเมื่อพบเป้าหมายปุ๊บจางก็จะยิงใส่ปั๊บ มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อนายทหารผู้บัญชาการของนาวิกโยธินสหรัฐฯที่หนึ่ง(1st US Marines) ส่องกล้องส่องทางไกลสังเกตการณ์โผล่จากสนามเพลาะ ก็เลยโดนจางยิงเข้าใส่แขนซะเต็มเปาหลังจากการรบจางได้รับการยืนยันว่าสามารถสังหาร ทหารของฝ่ายสหประชาชาติได้ทั้งหมดเป็นจำนวนมากถึง 214ศพ ในเวลาเพียงแค่ 32วันเท่านั้น (โคตรเทพ ถ้าอยู่นานร้อยวันแบบซิโมอาจจะทำลายสถิติของซิโมก็ได้นะ 555)



 จาง เท่าฝาง ได้เสียชีวิตลงเมื่อ วันที่ 29 เมษายน ปีค.ศ.2007 รวมอายุได้ 76ปี

 

 

ยอดสังหาร   214 ศพ (ภายใน 32 วัน)


ปืนโมซิน นากังค์ ติดกล้องเล็งPU แบบที่สไนเปอร์ชาวบ้านทั่วไปเค้าใช้กัน


มาเรีย ลจาลโคว่า
วีรสตรีสไนเปอร์แห่งเช็ก


มา เรีย ลจาลโคว่า ขณะเล็งเอสวีที-40 สไนเปอร์คู่ใจของเธอ

ภาพถ่าย ลจาลโคว่าในสนามรบ
ถือปืนคู่ใจยืนยิ้มแฉงให้กล้อง

   มาเรีย ลจาลโคว่า (Marie Ljalková) เกิดเมื่อวันที่ 3 เดือนธันวาคม ปี 1920 เป็นพลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์หญิงชาวเช็กฯ ประจำการในกองทัพสหภาพโซเวียต ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ในแนวรบด้านตะวันออก ลจาลโคว่าเกิดที่เมืองโฮโรเดนก้า (Horodenka) แคว้นยูเครนของสหภาพโซเวียต (ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ภาคตะวันตก ของประเทศยูเครนนั้นเอง) ต่อมาเธอได้ถูกพาไปอยู่กับครอบครัวของเธอที่แคว้นโวลิน (Volyn) ซึ่งเป็นชาวโวลินเนี่ยน-เช็ก (Volhynian

Cz

ec

และแล้วก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อมาเรียต้องสูญเสียพ่อแม่ไป ในขณะที่เธอมีอายุเพียง 12 ปี หลังจากนั้นป้าของเธอจึงรับลจาลโคว่าไปอยู่ด้วย ที่เมือง สตานิสลาโวฟ์ (Stanis?awow) ในปัจจุบันคือเมือง อีวาโน-ฟรังคิฟสค์ (Ivano-Frankivs'k) ในประเทศยูเครน ซึ่งเมืองนี้เป็นที่แห่งแรก ที่เธฮได้พบรักกับสามี ไมเคิล ลจาลโค (Michal Ljalko) ก่อนที่จะแต่งงานกัน หลังจากพวกนาซีได้เข้าโจมตีสหภาพโซเวียต ลจาลโคว่าก็เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครใน กองพันสนามอิสระเช็กโกสโลวักที่ 1 (1st Czechoslovak Independent Field Battalion) เมื่อเืดือนมีนาคม ปี 1942 ซึ่งในขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น! เธอถูกส่งไปยังโรงเรียนสอนพลแม่นปืนที่เมือง บูซูลุค (Buzuluk) โดยใช้เวลาศึกษาอยู่ที่นั้นนาน 3 เดือนและแล้วเธอก็ได้เข้าสู่สนามรบเป็นครั้งแรก โดยได้เข้าร่วมในสมรภูมิโซโคโลโว (Battle of Sokolovo) ตั้งแต่วันที่ 8 - 11 มีนาคม ปี 1943 เมื่อเธอสามารถปลิดชีพทหารเยอรมันได้ 7 คน ชื่อเสียงของเธอก็เริ่มขจรขจาย และได้ขึ้นแท่นสถานะยอดสไนเปอร์ (ace status) ต่อมาลจาลโคว่ายังได้ทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอน ให้กับทหารราบเพื่อนร่วมช


อิสริยาภรณ์

 มาเรีย ลจาลโคว่า มียอดสังหารทหารข้าศึกที่ได้รับการยืนยันในระหว่างสงคราม 30ศพ (บางแหล่งว่า 35ศพก็มี) และได้รับการเชิดชูเกียรติจากสหภาพโซเวียตเป็น  อิสริยาภรณ์บัญชาแห่งดาวแดง (Order of the Red Star) และจากเช็กเป็น อิสริยาภรณ์กางเขนสงครามของเช็ก (Czechoslovakian War Cross)

Order of the Red 
Star

อิสริยาภรณ์บัญชาแห่งดาวแดง



อิสริยาภรณ์กางเขนสงครามของเช็ก

ช่วงชีวิตหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง


หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้น สุดลง ลจาลโคว่าก็เริ่มศึกษาด้านการแพทย์อย่างจริงจัง (สงสัยติดมาจากตอนสงคราม) จนสามารถเข้าทำงานเป็นแพทย์ทหาร (military doctor)ที่เมือง โอโลมุก (Olomouc) และโรงพยาบาลทหารกลาง (Central Military Hospital) ในกรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กด้วย (นอกจากจะยิงปืนเก่งแล้ว ยังเรียนเก่งจนเป็นหมอได้อีก สุดยอดสตรีจริงๆ)

 หลังจากที่เธอได้ถูกโยกย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลใน เืมือง เบอร์โน (Brno) เธอก็ได้พบกับรักกับสามีคนที่สอง (สามีคนแรกหายไปไหนไม่ยักกะบอกแหะ?) ชื่อว่า วาคลาฟ ลาสโทเว็กกี้ (Václav Lastovecký) ยศสูงสุดที่เธอได้รับคือ นายพัน(colonel) แต่เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ เธอจึงต้องออกจากกองทัพ และหันไปทำอาชีพเป็นไกด์ทัวร์ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย

ปัจจุบันมาเรีย ลจาลโคว่า อาศัยอยู่ที่เมืองเบอร์โน



มาเรีย ลจาลโคว่า กับวาคลาฟ ลาสโทเว็กกี้สามี
ใน ปัจจุบันกำลังโชว์รูปขณะมาเรียยังสาวให้ดู

Credit: http://atcloud.com/stories/82870
#มือปืน
Messenger56
ช่างเทคนิค
สมาชิก VIP
20 พ.ค. 53 เวลา 23:48 9,196 9 86
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...