แม้เรื่องราวต่างๆ จะดูเสมือนว่าจบยกแรกไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ที่ติดตามข่าวสารการเมืองมานาน กลับไม่ค่อยมีใครเคยเห็นโฉมหน้าของอุปกรณ์ในการรบต่างๆ ที่สื่อกล่าวขานกันมากมาย ไทยรัฐออนไลน์เลยรวบรวม 5 อาวุธยอดฮิตแห่งเทศกาลขอคืนพื้นที่มาให้รู้จักกัน...
ปืนไรเฟิล
ปืน ซุ่มยิงระยะไกล เป็นหนึ่งในอาวุธที่มีบทบาทในการปฎิบัติการรบทางยุทธวิธีและต่อเป้าหมายที่ มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของฝ่ายตรงกันข้าม มันคืออาวุธที่ถูกออกแบบเพื่อการยิงในระยะไกลด้วยกระสุนความเร็วสูงจากการ ยิงของสไนเปอร์หรือพลซุ่มยิง แต่คนไทยเรียกปืนชนิดนี้ว่าสไนเปอร์จนเป็นที่เข้าใจกันไปแล้ว
M 79
ช่วง นี้ใครๆ ก็หลอนกับ M 79 เพราะคุ้นหูกันสุดๆ ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอาวุธยอดฮิตเบอร์1 เพราะหลายชีวิตถูกตัดสินชะตากรรมเป็นที่เรียบร้อยด้วยอาวุธนี้ทั้งตายและ พิการ ปืนยิงระเบิด M79 เป็นอาวุธสงครามที่เคยใช้ในการทำสงครามเวียดนามมาก่อนและถูกพัฒนาต่อเนื่อง ผู้ออกแบบคือ Springfield Armory โรงงานผลิต Colt สัญชาติอเมริกา ที่มีจำนวนการผลิตมากกว่า 350,000 กระบอกเฉพาะกองทัพอเมริกาและได้รับความนิยมในหมู่ทหารเเละกองทัพต่างๆ ซื้อไว้ใช้สนับสนุนยานพาหนะพวกรถถัง คุณสมบัติคล่องตัวดีไม่หนักเกินไป ระยะหวังผลอยู่ที่ 150 เมตร สามารถยิงไกลสุดได้ 350 เมตร บรรจุกระสุนได้ครั้งละ 1 นัด แต่รุ่นใหม่บรรจุได้ครั้งละ 6 นัด
แก๊สน้ำตา
แก๊สน้ำตา หรือ ชื่อทางเคมีว่า Lachrymatory agent, Lachrymator เรียกง่ายๆ ดีกว่าว่า “Tear Gas” เป็นอาวุธเพื่อการสลายการชุมนุมขั้นต้น แต่จะบอกว่าเป็นอาวุธอานุภาพเบาๆ ใสๆ ก็คงไม่ใช่ เพราะเมื่อสัมผัสกับควันแก๊สชนิดนี้ จะระคายเคืองเยื่อบุตาและแก้วตาดำ ทำให้มีน้ำตาไหลออกมาก เยื่อบุตาจะแดงบวม ทำให้มองไม่เห็น หายใจลำบาก แต่อาการเหล่านี้สามารถบรรเทาหายไปได้ภายใน 1 ชั่วโมง แต่ถ้าสัมผัสนานเกิน 1 ชั่วโมง หรือได้รับปริมาณมากๆ ในพื้นที่อับ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้ เช่น ตาบอด ต้อหิน ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตเนื่องจากสารเคมีจะไหม้ลำคอและปอด ถือเป็นอาวุธที่ใช้ก่อกวนในการจลาจลมากกว่าจะมุ่งให้บาดเจ็บถึงตาย การใช้งานนั้นจะมีทั้งยิงจากเครื่องยิงและแบบขว้าง
ระเบิดเคโม (หรือระเบิดเคลย์มอร์)
วันที่ทหารเข้าสลายแยกศาลา แดงก็ต้องตกใจเพราะพบระเบิดชนิดนี้วางดักไว้หลังบังเกอร์แยกศาลาแดง เคโมถูกคิดค้นโดยชาวอเมริกันเรียกระเบิดแบบนี้ว่า "M-18A1" เอามาใช้ครั้งแรกสมัยสงครามเวียดนามที่อเมริการบกับคอมมิวนิสต์ เป็นกับดักระเบิดสังหารบุคคลที่มีประสิทธิภาพรุนแรง ด้านในบรรจุลูกเหล็กจำนวนมาก เวลาใช้งานต้องเอาง่ามสองขาปักบนดิน และพรางตาด้วยเศษไม้ใบ ที่สำคัญต้องหันด้านให้ถูกด้วยไม่เช่นนั้นคนใช้อาจถูกระเบิดชนิดนี้เอง โดยสังเกตที่คำเตือนว่า "Front Toward Enemy" เมื่อกดสวิตช์ระเบิด ลูกเหล็กจะแผ่กระจายออกไปอย่างรุนแรง ศัตรูล้มเป็นใบไม้ร่วง
จรวด RPG (หรือระเบิด RPG หรือ กระสุนหัวปลี)
ผลิตขึ้นครั้ง แรกที่โซเวียตเรียกว่าจรวด RPG-7 เป็นจรวดที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานในปี ค.ศ. 1962 เป็นต้นมา แต่มีรุ่นที่ผลิตในจีนเรียกว่า ROCKET TYPE 69 มีลักษณะคล้ายกับเครื่องยิงจรวด RPG-2 แต่ขนาดจรวดโตขึ้นเป็น 85 มม. จากเดิม 82 มม. และตัวเครื่องยิงมีขนาดสั้นกว่า เครื่องเล็งเป็นระบบองค์ทัศนะ สามารถทำการเล็งได้ทั้งกลางวันและกลางคืน หางนำทิศเปลี่ยนใหม่เป็นแบบใบมีดขนาดใหญ่ และจะกางออกทันทีที่ลูกจรวดถูกยิงพ้นลำกล้อง ตอนท้ายสุดของลูกจรวดจะทำหางนำทิศขนาดเล็กไว้เพื่อให้ลูกจรวดหมุนตัวเล็ก น้อยขณะแหวกอากาศสู่เป้าหมาย ซึ่งทำให้จรวดมีการทรงตัวดีขึ้น นอกจากนั้นลูกจรวดยังมี ROCKET MORTOR เพื่อช่วยขับเคลื่อนโดยเมื่อยิงลูกจรวดพ้นปากลำกล้องออกไปประมาณ 10 เมตร ROCKET MORTOR จะจุดตัว ทำให้มีระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมตร ก่อนทำการยิง RPG-7 จะต้องทำการประกอบชุดดินขับจรวดโดยการขันเกลียวยึดเข้ากับตัวจรวดเสียก่อน
RPG ทั้ง 2 ประเภทนั้นมีใช้ทั่วไปในกองทัพต่างๆ RPG-2 ปัจจุบันประเทศจีนเลิกผลิตแล้ว แต่ยังมีใช้งานในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลาง, ระเบิด RPG-7 ยังประจำการในกลุ่มประเทศกติกาสัญญาวอร์ซอ, อัฟริกา, เอเชียใต้ และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศ เป็นต้น
เรียบเรียง ข้อมูลจาก : Wikipedia, เจใดหนุ่ม เว็บพันทิป, http://wetchaputi.exteen.com
ภาพ : www.jazzbah.com, www.prakard.com และwww.tasboard.piesoft.net