ย้อนรอย43ปี คดีฆ่าข่มขืนเด็กวัย12 สั่งยิงเป้าจากคณะปฏิวัติ

เรื่องประหารชีวิตนักโทษฆ่าข่มขืนในยุคสมัยทหารมีอำนาจ

เด็กหญิงวัย12 ปี ลูกสาวแม่ค้าขายผักตลาดสุขสวัสดิ์ ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นเด็กที่โตเต็มวัยเกินกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เธอมักตกเป็นเป้าสายตาของเด็กหนุ่มย่านนั้น บ่อยครั้งที่มักถูกจาบจ้วงล่วงเกินทั้งทางวาจาและกิริยาจับจ้อง

ในบรรดาเด็กหนุ่มและชายหนุ่มที่หมายปองเด็กหญิงผู้นี้มีชื่อของเสน่ห์ อ่อนแก้ว ลูกชายผู้ใหญ่บ้านวัย21 ปี ที่มีกิตติศัพท์ร่ำลือขจรขจายไปทั่วสารทิศ เกี่ยวกับนิสัยที่ค่อนไปทางอันธพาล เกเรเกตุง มิหนำซ้ำยังหนักไปทางชอบข่มเหงรังแกชาวบ้าน ว่ากันว่าช่วงนั้นมีเด็กสาวเคราะห์ร้ายหลายคนถูกฉุดไปข่มขืน ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าแจ้งความชี้ปักลงไปชัดเจนว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ก็เป็นที่รับรู้กันของชาวบ้านร้านตลาดย่านนั้นดีว่า ใครเป็นคนทำ

แล้วคราวเคราะห์ของลูกสาวแม่ค้าขายผักวัย12 ปีก็มาถึง !!!
3 ทุ่ม 19 ธันวาคม 2514 เด็กหญิงออกจากบ้านพักไปทำธุระให้แม่ที่ตรอกไทยเกรียงเก่าตามลำพังโดยไม่เฉลียวใจเลยว่ามัจจุราชจะมาคอยดักรอรับเธออยู่เบื้องหน้า เสน่ห์กับพวกรวม 8 คน นั่งดื่มเหล้าอยู่ริมทางที่เธอจะผ่านพอดี เขาเห็นเด็กหญิงชัดเจนและไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยที่จะสั่งให้สมัครพรรคพวกที่เป็นเสมือนลูกสมุนให้ปรี่เข้าหาเด็กหญิง ช่วยกันฉุดกระชากลากดึง ปิดปากไม่ให้ส่งเสียงข้ามถนนสุขสวัสดิ์ตรงไปยังลานทรายฝั่งตรงข้ามเข้าสู่ซอยกลับเจริญ 1 ซึ่งเต็มไปด้วยสวนมะพร้าวเปล่าเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน

เสียงวิงวอนร้องขอความเวทนาที่ดังแสนดังถูกกลบด้วยความหื่นกระหาย หยาบช้า ฟังดูเหมือนเสียงกระซิบกระซาบที่ไกลแสนไกล จนทุรชนทั้ง 8 ไม่ยินยลและใส่ใจ เด็กหญิงถูกย่ำยีพรหมจารีอยู่กลางลานทรายในสวนมะพร้าวอย่างทารุณ

ด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัสเด็กหญิงจึงดิ้นรนเอาตัวรอด แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งเพิ่มโทสะให้กับสัตว์ป่าในคราบเดนมนุษย์ทั้ง 8 เสียงตะโกนก้องร้องขอความช่วยเหลือถูกหยุดด้วยดินเหนียวก้อนแล้วก้อนเล่าที่ 1 ใน 8 ทมิฬ ควักคว้ายัดใส่ปากเธอ ก่อนจะเผลอบีบคอจนร่างกายแน่นิ่ง ไม่ไหวติง พวกเขาไม่รู้เลยว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างเด็กหญิงตัวน้อยๆ ไปตั้งแต่วินาทีไหน มารู้อีกครั้งก็ต่อเมื่อร่างกายเย็นซีดไร้ซึ่งลมหายใจและแรงขัดขืน เมื่อนั้นเองจึงแยกย้ายกันหลบหนีไป

เด็กหญิงหายไปทั้งคืนแม่และญาติมิตรตามหาจนทั่วกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นจึงมีชาวบ้านไปพบศพในสภาพเปลือยเปล่า เศษเสื้อผ้าตกอยู่รอบๆ มีดินเหนียวเกรอะกรังเต็มปากลึกไปถึงลำคอ ตาเหลือกถลน บ่งบอกให้รู้ว่าก่อนสิ้นใจเธอคงทรมานอย่างแสนสาหัส เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็น

21 ธันวาคม 2514 ร.ต.อ.สมพงษ์ กรองกาญจน์ ชุดสืบสวน สภ.อ.พระประแดง พร้อมกำลังออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ด้วยเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เพียงวันเดียวก็สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน ได้แก่ เสน่ห์ อ่อนแก้ว วัย 21 ปี, สมชาย วัย 16 ปี, เชิดชัย วัย 15 ปี และนรัตน์ วัย 14 ปี น้องชายของเสน่ห์ ขณะกบดานอยู่ในกระท่อมหลังสวนมะพร้าวไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ
ผู้ต้องหา3 คนหลังให้การรับสารภาพ ยกเว้นเสน่ห์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตัวเอง !?!

1 เดือนหลังจับผู้ต้องหาได้ 4 คน จอมพลถนอม กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ มีคำสั่งลงโทษประหารชีวิตเสน่ห์ จำคุกสมชาติตลอดชีวิต จำคุกเชิดชัย 15 ปี และจำคุกนรัตน์ 25 ปี เป็นการตัดสินคดีที่เร็วมาก เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญชาวบ้านสมัยนั้นมาก เชาวเรศน์เท้าความ


 

เมื่อมีคำสั่งประหารชีวิตออกมาพล.อ.ประพาส จารุเสถียร ผอ.รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้ส่งคำสั่งต่อให้กระทรวงมหาดไทย โดยให้ใช้แดนประหารของเรือนจำกลางบางขวาง เชาวเรศน์จำได้แม่นยำว่าคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2515 ก่อนการประหารชีวิตสถานีโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงนำเสนอข่าวทุกช่อง เขาเองก็ตื่นเต้นมากเพราะเพิ่งทำงานเป็นผู้คุมได้เพียง 20 วันเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นการประหารชีวิตนักโทษมาก่อน

ตี4 ครึ่ง 9 กุมภาพันธ์ ดูเหมือนจะเป็นเช้าที่มีความพิเศษกว่าทุกวัน บรรยากาศในเรือนจำกลางบางขวางเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่เรือนจำทุกคนทำหน้าที่กันอย่างกระฉับกระเฉง เพราะการประหารชีวิตนักโทษจะมีผู้บังคับบัญชาจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมเป็นสักขีพยาน ขณะเดียวกันก็ต้องเข้มงวดกวดขันกับเหล่านักโทษไม่ให้ก่อเหตุวุ่นวายขึ้นด้วย

ตี5 ตำรวจ 15 นาย พร้อมปืนคาร์บินอาวุธประจำกายออกเดินทางจาก สภ.อ.พระประแดง ด้วยรถบรรทุกนักโทษเบิกตัวเสน่ห์จากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง ในใจยังคิดอยู่ว่าเขาจะได้รับอิสรภาพกลับคืนมาในไม่ช้า แต่เสน่ห์คิดผิด แทนที่จะได้รับการปล่อยตัวเขากลับถูกนำตัวมาที่เรือนจำกลางบางขวาง เมื่อนั้นเองเขาจึงรู้ตัวว่าตกอยู่ในชะตากรรมเช่นไร
เจ้าหน้าที่เรือนจำยืนประจำจุดอยู่อย่างแน่นหนาส่วนบรรดาช่างภาพและเหยี่ยวข่าวต่างปีนต้นมะพร้าวหรือไม้ใหญ่ยืนต้นพออาศัยกิ่งก้านเป็นที่ยึดเกาะให้มองเห็นภาพการประหารและบันทึกภาพ บ้างปีนขึ้นไปอยู่หลังคาโบสถ์วัดบางแพรกใต้ติดกำแพงเรือนจำ เสน่ห์ถูกส่งตัวให้คณะกรรมการควบคุมการประหาร มี สนับ วิสุทธิมรรค ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง สมปอง ชุมวรฐายี นายอำเภอเมืองนนทบุรี และ น.พ.สุจริตภมรบุตร เป็นกรรมการ

ทันทีที่เสน่ห์ถูกส่งตัวให้คณะกรรมการควบคุมการประหารเจ้าหน้าที่ลงมืออ่านประกาศคำสั่งคณะปฏิวัติให้ลงโทษประหารชีวิต เสน่ห์ซึ่งบัดนี้เริ่มครองสติไม่อยู่ถึงกับร้องเอะอะโวยวายเสียงดังกึกก้องอย่างคนเห็นวาระสุดท้ายของชีวิตอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับตะโกนด่าทอต่อว่าตำรวจชุดจับกุมและขู่อาฆาตทุกคนทุกภพชาติ และไม่ยอมเซ็นรับทราบคำสั่งคณะปฏิวัติ ภาระนี้จึงตกอยู่กับเชาวเรศน์ที่ต้องทำหน้าที่ปลอบประโลมให้ควบคุมสติเอาไว้และเล็งเห็นถึงผลกรรมที่ได้ก่อเอาไว้ เมื่อนั้นเองนักโทษประหารจึงยอมสงบ

ทว่าเสน่ห์ก็สงบสติอารมณ์ได้ไม่นานตรงกันข้ามกลับมีท่าทีฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยวมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ยอมแตะต้องอาหารมื้อสุดท้ายที่เรือนจำจัดให้ ไม่ยอมแม้แต่จะฟังพระมหาสาย ฐานะมังคโร เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ที่รับนิมนต์มาเทศนาธรรมโปรดสัตว์เป็นครั้งสุดท้าย

เขาตะโกนว่าบวชเรียนมาแล้ว พระช่วยอะไรกูไม่ได้ กูบวชเรียนมาแล้ว ไม่ต้องมาเทศน์ให้เสียเวลา จะเอาตัวไปฆ่าก็เอาไปเร็วๆ พร้อมกับแสดงท่าทางฮึดฮัดอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เรือนจำที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสน่ห์เป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเกินกว่าฆาตกรคนอื่นๆ เพราะแม้แต่วาระสุดท้ายของชีวิตเขายังไม่คิดสำนึกผิดเลย

7 โมงเช้า เสน่ห์ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัวมาที่ศาลาแปดเหลี่ยมก่อนเข้าหลักประหาร ณ ที่นี้เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เขียนจดหมายสั่งเสียญาติเป็นครั้งสุดท้าย โดยเขาเลือกเขียนหาพ่อใจความว่า
ผมขอลาไปก่อนนะ หวังว่าคงไม่ทุกข์โศกอะไรมากนัก ขอให้พ่อคิดเสียว่าเป็นเรื่องธรรมะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พ่อช่วยเลี้ยงดูเมียผมด้วย อย่าให้ต้องลำบาก อย่าให้มีผัวใหม่เด็ดขาด ส่วนศพผมห้ามฝังเด็ดขาด ให้เก็บไว้ 3 ปี พ่ออย่าลืมมาเยี่ยมนรัตน์บ่อยๆ นะ

ร่างของนักโทษประหารถูกนำเข้าหลักประหารตาถูกพันด้วยผ้าขาว ต้นแขนและหน้าอกพันธนาการให้แนบติดกับหลักประหารหันหลังให้กระบอกปืน เมื่อทุกอย่างพร้อม แสวง พวงสุดรักษ์ เจ้าหน้าที่ปรับทางปืนเข้ามาทำหน้าที่เสร็จแล้วจึงส่งสัญญาณให้ มุ่ย จุ้ยเจริญ เพชฌฆาต เข้าประจำที่หลังกระบอกปืนแบล็คมัน ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นปรับมุมยิงเล็งไปที่เป้าตาวัวบนฉากผ้าขาวกั้นบังตา

เพชฌฆาตทำความเคารพนักโทษประหารขออโหสิกรรมหัวหน้าชุดให้สัญญาณยกธงแดง ลุงมุ่ยก้มลงเหนี่ยวไกปืนเสียงดังถี่ระรัวเป็นชุด 6 นัด แพทย์เข้าตรวจสอบที่หลักประหาร ปรากฏว่านักโทษยังไม่ขาดใจตายทันที มีเสียงเรอดังออกมา 3 ครั้งก่อนสิ้นใจตาย กลายเป็นจุดจบของคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งด้านความโหดเหี้ยม ไม่สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ รวมทั้งเรื่องการตัดสินคดีที่รวดเร็วไม่แพ้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ภาพประกอบเป็นหุ่นจำลอง

ที่มาของบทความจาก news.sanook.com แต่ที่มาจริงๆน่าจะเป็นหนังสือของคุณเชาวเรศน์ จารุบุณย์ มากกว่าครับ

 

ที่มา: ที่มาของบทความจาก news.sanook.com แต่ที่มาจริงๆน่าจะเป็นหนังสือของคุณเชาวเรศน์ จารุบุณย์ มากกว่าครับ
Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/69644.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...