จากกระแสข่าวกองทัพเรือ เล็งตัดน้ำ-ไฟ ที่ทำการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม คาดปมขัดแย้งเรื่องทุบกำแพงนั้น ล่าสุด ถูกตัดน้ำและไฟฟ้าแล้ว
จากกรณีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่ากองทัพเรือมีหนังสือถึงมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค หรือค่าน้ำค่าไฟ ประจำเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2558 จำนวน 34,984 บาท โดยระบุให้ชำระภายในวันที่ 10 มิถุนายน มิฉะนั้นจะระงับการจ่ายน้ำ-ไฟ ซึ่งแต่เดิมทางมูลนิธิฯ ไม่เคยต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เนื่องจากได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพเรือมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อปลายปี 2557 กองทัพเรืองมีแผนทุบกำแพงพระราชวังเดิมฝั่งทิศเหนือ ใกล้กองบัญชาการกองทัพเรือ เพื่อเปิดเป็นลานสวนสนาม ทางมูลนิธิฯ จึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมศิลปากรว่า สามารถทุบกำแพงได้จริงหรือไม่ เพราะพื้นที่ภายในพระราชวังเดิม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2492 และกรมศิลปากรเองก็คัดค้านการทุบกำแพงดังกล่าวด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น กองทัพเรือมีคำสั่งให้กรมช่างกองทัพเรือ แยกมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าของมูลนิธิฯ โดยมีหนังสือให้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟดังกล่าวออกมา รวมถึงมีการเตือนว่า จะย้ายทหารชั้นผู้น้อย รวมถึงรถยนต์และพลขับที่ช่วยงานมูลนิธิฯ กลับคืน ทั้งที่ทางมูลนิธิฯ จดหมายชี้แจงหนี้ หากต้องจ่ายจริง ๆ รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากของมูลนิธิฯ ก็ไม่เพียงพอกับค่าสาธารณูปโภคอยู่ดี ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายได้ จนกว่าจะนำเรื่องดังกล่าวผ่านมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2558 ก่อน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม ได้ถูกตัดน้ำและไฟฟ้าแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ รายหนึ่งบอกว่า ช่วงเช้าก่อนเวลา 08.30 น. ยังสามารถใช้ไฟฟ้าและน้ำได้ตามปกติ แต่หลังช่วงเวลาดังกล่าวโดนตัดการใช้งาน แต่ถึงอย่างไร เจ้าหน้าที่มีอยู่ราว 4-5 ราย ยังคงทำงานตามปกติ แต่ต้องนั่งทำงานภายใต้อากาศอบอ้าวและค่อนข้างมืด ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ ส่วนโทรศัพท์ใช้ได้เพียง 1 สาย จึงมีอุปสรรคด้านการติดต่อประสานงานเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกตัดน้ำ-ไฟ แต่ทางมูลนิธิฯ ก็ไม่มีการยกเลิกคณะผู้เยี่ยมชมที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องอากาศร้อนที่ไม่ถ่ายเทโดยเฉพาะชั้นล่าง รวมถึงความมืดอีกด้วย ด้าน พล.ร.ต. กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอตรวจสอบ และขอนำเรียนผู้บังคับบัญชาจึงจะให้ข้อมูลได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jaruvat Chanposri อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก