โรคซาดิสม์,มีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
การมีความสุข จากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
การมีความสุขทางเพศจากทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดหรือซาดิสม์ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความพอใจทางเพศจากการทำให้คู่ร่วมเพศเจ็บปวด ไม่ว่าจะโดยทางร่างกายหรือทางจิตใจ คำว่า ซาดิสม์ มาจากชื่อของนักเขียนชาวฝรั่งเศส คือ มาร์ควิส เดอ เสด (Marquis de Sade ค.ศ.1740-1814) ซึ่งได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับความทารุณทางเพศไว้มากมาย เป็นต้นว่า การกักขังเพื่อทารุณกรรมในซ่องโสเภณี การล่อลวงภรรยาคนอื่นเข้าไปในบ้านและเฆี่ยนด้วยแส้ม้าโดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ รวมทั้งการใส่ยากระตุ้นเพศให้ผู้เป็นแขกรับประทาน
การเฆี่ยน กัด หยิก และตบเป็นวิธีที่คนพวกนี้มักกระทำ แต่บางครั้งอาจแสดงโดยทางคำพูดในลักษณะพูดกระทบกระเทียบ ดูถูกทับถม ขู่ ยั่ว หรือพาลพาโล ความก้าวร้าวนี้อาจอยู่ในจิตไร้สำนึกและแสดงออกทางอ้อม หรืออยู่ในจิตสำนึกและแสดงตรงๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว
อาการดังกล่าวจะพบในผู้ชายประมาณร้อยละ 5 และผู้หญิงร้อยละ 2 ของประชากร อัตราจะมากเป็น 2 เท่าในคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปี และในชายโสดจะเป็น 5 เท่าของชายที่แต่งงานแล้ว
สาเหตุอาจเกิดจาก
1. การถูกสอนโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้รังเกียจเรื่องเพศ การทำให้คู่ร่วมเพศเจ็บปวดเป็นการลงโทษคู่ร่วมเพศที่ประพฤติในสิ่งที่น่าละอายนี้
2. ในจิตไร้สำนึกมีความกลัวว่าตนจะถูกตอน การทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดทำให้คนพวกนี้มั่นใจว่าเขามีอำนาจเหนือกว่า จึงไม่จำเป็นต้องกลัวการถูกตอน
3. เป็นวิธีแสดงออกของความก้าวร้าว หรือความต้องการเป็นผู้ชนะในจิตไร้สำนึก
ตามธรรมชาติมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายย่อมมีการแข่งขันกันระหว่างพวกของตน ผู้ชนะ คือผู้ที่สามารถทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดได้ และบางครั้งจะมีความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นทุกข์ทรมานด้วย สัญชาติญาณนี้มีในคนแทบทุกคน และเกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก ตัวอย่างเช่น เด็กจะพอใจเมื่อเห็นตัวการ์ตูนหล่นจากที่สูง ถูกของหนักทับจนแบน ถูกระเบิดตัวไหม้เกรียม หรือสนุกสนานต่อการแสดงตลกที่ร่วมกับการทารุณกรรมโดยการเขกศีรษะกันบ้าง เตะกันบ้าง หรือเอาของสกปรกทาตามใบหน้าและร่างกาย นอกจากนั้นคนบางคนยังชอบอ่านเรื่องทารุณกรรม ชอบดูภาพยนตร์สงคราม ชอบอ่านข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรม ความตาย และเหตุการณ์สยองขวัญเพราะฉะนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่คนบางคนจะชอบทำให้คู่นอนของตนเจ็บปวดขณะมีกิจกรรมทางเพศ
กลไกของการเกิดโรค
มีการทดลองกระตุ้นด้วยไฟฟ้าที่บริเวณหลายแห่งของศูนย์อารมณ์ซึ่งมีความเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน พบว่าทำให้เกิดความต้องการทางเพศหรือความก้าวร้าว จึงน่าคิดว่าเรื่องเพศกับความก้าวร้าวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ความคับข้องใจเรื่องเพศสามารถเปลี่ยนเป็นความก้าวร้าวได้ และในทางกลับกันความคิดหรือพฤติกรรมก้าวร้าวก็มักจะมีเรื่องเพศรวมอยู่ด้วย
ลัสท์ เมอร์เดอร์ (Lust murder) เป็นความพอใจทางเพศจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดชนิดที่รุนแรงที่สุด เหยื่อจะถูกฆ่าและตัดทอนร่างกายเพื่อความสุขทางเพศ ลัสท์ เมอร์เดอร์แท้ๆ จะไม่มีการร่วมเพศ ความสุขสุดยอดทางเพศเกิดจากการฆ่าและการตัดทอนร่างกาย เชื่อกันว่าคนพวกนี้มีจิตใจผิดปกติ (อย่างน้อยก็ในขณะกระทำ) ขนาดที่เรียกว่า โรคจิต พฤติกรรมรุนแรงที่น่าสยดสยองนี้มักเกี่ยวข้องกับความกลัวจะถูกผู้หญิงผลักไส ไม่ยอมรับตน
ตัวอย่างผู้ป่วย
ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้ปรึกษาปัญหาด้วยตนเอง แต่ภรรยาซึ่งไม่สามารถทนความผิดปกติทางเพศของสามีได้ เขียนจดหมายมาปรึกษาปัญหาที่คอลัมน์ทางเพศของนิตยสารรายเดือนฉบับหนึ่ง ดังข้อความต่อไปนี้
"ดิฉันปีนี้อายุย่าง 25 ปี การศึกษาจบอนุปริญญา ฐานะในครอบครัวจัดอยู่ในประเภทมีอันจะกิน นิสัยปกติเป็นคนร่าเริงและยิ้มเก่ง ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงพอสมควร
ดิฉันแต่งงานได้ประมาณ 3 ปี ชีวิตแต่งงานของดิฉันเป็นการเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ตอนนั้นดิฉันกำลังเป็นโรคอกหักจากคนที่ดิฉันรัก จึงยอมประชดชีวิตด้วยการแต่งงานกับผู้ชายที่ดิฉันไม่เคยมีโอกาสรู้จักคุ้นเคยมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างผู้ใหญ่เป็นผู้จัดการให้หมดแม้แต่งานวันแต่งงาน งานแต่งงานของเราหรูหราและยิ่งใหญ่มาก ข่าวสังคมตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวกันเกรียวกราว เพื่อนดิฉันแทบทุกคนต่างอิจฉาว่า ดิฉันเป็นคนโชคดีที่ได้สามีร่ำรวยระดับเศรษฐีเมืองไทย ซึ่งตอนนั้นบอกตามความจริงดิฉันไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าอยากให้คนที่ดิฉันรักรู้สึกเสียดายและผิดหวังเท่านั้นเอง แต่คืนวันส่งตัวคืนแรกดิฉันแทบช็อค นี่มันอะไรกันสวรรค์หรือนรกกันแน่ คุณ…เชื่อไหมคะในโลกนี้มันยังมีเรื่องบ้าๆ บอๆ ขนาดนี้อีกหรือ คุณรู้ไหมว่าเขาทำกับฉันอย่างไร ? เขาเข้ามากอดจูบดิฉันอย่างเมามันส์ และจู่ๆ เขาก็กัดหมับเข้าที่ไหล่ของดิฉัน แค่นั้นยังไม่พอเขาฉุดกระชากชุดวิวารห์ขาดคามือ จากนั้นก็กัดมันดะไปทั้งเรือนร่างของดิฉัน ดิฉันทั้งเจ็บทั้งปวดสุดจะทน เวลานั้นมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่จะช่วยดิฉันได้
เกือบ 3 ปีแล้วที่ดิฉันต้องตกนรกทั้งเป็นอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เขาคายไม่ออกตลอด 3 ปี ดิฉันไม่เคยรู้สึกว่าความสุขเป็นอย่างไร ? คุณ…เชื่อไหมคะว่า แม้ดิฉันแต่งงานมาแล้วเกือบ 3 ปี ยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ ดิฉันไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าความสุขของการนอนกับสามีเป็นอย่างไร ? ไม่รู้จริงๆ เพราะสามีดิฉันไม่เคยร่วมหลับนอนกับดิฉันเหมือนคนทั่วๆ ไป ทุกครั้งที่สามีดิฉันมีอารมณ์ นั่นคือความเจ็บปวดที่ดิฉันต้องอุทิศให้แก่เขา เรือนร่างทั้งเรือนร่างของดิฉันแทบจะย่อยยับเพราะรอยกัดของเขา พอเขามีอารมณ์สุดขีดเขาก็จะหลับนอนกับดิฉันทางทวารหนัก ดิฉันนั้นทั้งเจ็บปวด มันทรมานสิ้นดี
ไม่เพียงเท่านี้ คุณ…เชื่อไหมบางครั้งเขากลับมาดึกๆ ดื่นๆ เขายังพาเพื่อนชายของเขามาด้วย (ผู้ชายประเภท 2) เขาพากันมาหลับนอนในห้องดิฉัน แถมบังคับให้ดิฉันนั่งดูเกมอันวิตถารของเขา และถ้าไม่ดูเขาก็จะตบตีเอาอีก"
แหล่งที่มา : ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค