คุ้นหูกันไหม.. กับประโยคที่ว่า แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ แน่นอนมันไม่ใช่เพียงเรื่องเล่า แต่มันคือตำนานที่เกิดขึ้นจริง ที่เขาว่ากันว่ามันคือนรกจำลองดีๆนี่เอง
เรื่องราวของวัดสระเกศ (ภูเขาทอง)นั้น ในอดีตเคยศูนย์รวมของแร้งนับพันอันเนื่องมาจากโรคห่าระบาดเมืองในช่วงรัชกาลที่ 2 มีคนตายหลายหมื่นคนในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน กลายเป็นเมืองแห่งคนตาย ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยซากศพ
แน่นอนจะมานั่งทำพิธีเผาศพก็คงไม่ไหวเพราะมีศพจำนวนมากเกิน วิธีที่จัดการได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือ ขุดหลุมแล้วเอาศพมากองรวมกันไว้ที่วัดสระเกศแห่งนี้ และเมื่อมีซากศพเป็นอาหาร ฝูงแร้งก็มาอาศัยที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
แล้วทำไมต้องเป็นวัดสระเกศ?
ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเขาห้ามเผาศพกันในเมือง ใครตายก็ต้องนู่นเลย.. นอกกำแพงเมืองนู่น
แล้วประตูเมืองที่เค้าอนุญาตให้เอาศพผ่านก้อมีประตูเดียว ที่เรียกว่า ประตูผีนั่นแหละ
ทีนี้วัดสระเกศก็อยู่ใกล้กับประตูผีนั่นพอดี ผ่านประตูเมืองมาก็เจอกับวัดสระเกศเป็นวัดแรก..
ก็เลยต้องเอาศพมาทิ้งที่นี่.. เพราะสะดวกดี
ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้..เวลาพูดถึงแร้ง เลยทำให้นึกไปถึงวัดอื่นไม่ได้
นอกจาก.. วัดสระเกศ
แต่ถ้าพูดถึงแร้งวัดสระเกศ จากกระทู้ที่แล้ว แล้วไม่พูดถึง "เปรตวัดสุทัศน์" ก็จะดูเหมือนเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์ เพราะเรามักจะได้ยินสองอย่างนี้คู่กันเสมอๆ สำหรับ "เปรต" นั้น ก็เป็นชื่อเรียกผีหรือมนุษย์ที่ทำบาปทำกรรมหนักหนาสาหัส เมื่อตายไปแล้วก็จะมาเกิดเป็นเปรตเพื่อชดใช้กรรมที่ทำไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์
เปรตนั้นก็มีหลายประเภทหลายลักษณะด้วยกัน แต่ภาพของเปรตที่คนส่วนมากจะคิดถึงก็คือต้องตัวสูงเท่าต้นตาล มือเท้าใหญ่เหมือนใบลาน ปากเท่ารูเข็ม ส่งเสียงร้องหวีดๆ ตอนกลางคืน และมักมาปรากฏตัวให้เห็นตอนกลางดึกเพื่อขอส่วนบุญ ส่วนคนที่ได้เห็นเปรตก็ถือว่าช่วงนั้นดวงตกต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เปรตตนนั้นเสีย
ความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตแห่งวัดสุทัศนเทพวรา
รามราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า "เปรตวัดสุทัศน์ แร้งวัดสระเกศ"
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯนั้น มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหาก
ขอบคุณที่มา ::thai.onzorn