นี่คือความเห็นของคุณพ่อ น้องปราง ศิรดา สาวน้อยเจ้าของคะแนนแอดมิดชันอันดับหนึ่ง แม้ลูกจะไม่เรียนแพทย์ แต่อยากให้ลูกได้ทำในสิ่งที่รัก และความสำเร็จจะตามมาเอง
ขอปรบมือดัง ๆ อีกครั้งให้กับสาวคนเก่งเจ้าของคะแนนแอดมิดชั่นสูงสุดประจำปีนี้ น้องปราง ศิรดา ไตรตรึงษ์ทัศนา สาวน้อยจากรั้วโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ว่าที่นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งแม้ว่าจะมีหลายคนแอบเสียดายที่ น้องปราง ไม่ได้เลือกเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์แม้ว่าเธอน่าจะเข้าเรียนได้สบาย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ปกครองของน้องปรางก็ยืนยันว่าแม้จะแอบเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่อยากให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ชอบ
ในขณะที่วันนี้ (7 มิถุนายน 2558) เพจ Drama-addict ก็ได้มีมุมมองดี ๆ จากคุณพ่อของน้องปราง ถึงกรณีที่ลูกสาวตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางสายนิเทศศาสตร์ด้วย พร้อมระบุข้อความว่า
"ความเห็นของคุณพ่อของน้องที่ได้แอดมิดชันอันดับหนึ่ง
ขอปรบมือให้คุณพ่อรัว ๆ ครับ อยากให้พ่อแม่ท่านอื่น ๆ คิดแบบนี้กันเยอะ ๆ อาชีพอะไรก็ได้ ขอให้ทำประโยชน์กับสังคมได้ และลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้ว"
โดยจากข้อความที่คุณพ่อของน้องปราง สามารถสรุปได้ว่า แม้เขาจะเสียดายเพราะลูกสาวเหมาะกับการเรียนคณะแพทย์มาก แต่คิดว่าหากลูกได้เรียนในสิ่งที่รักที่ชอบ จะมีจะจน ลูกก็น่าจะมีความสุขและความภูมิใจ จากนั้นความสำเร็จจะตามมาเอง นอกจากนี้น้องปรางยังเคยบอกด้วยว่า การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์เพียงอย่างเดียว อาชีพอื่นก็ทำได้ การที่น้องไม่ไปสอบคณะแพทย์เพราะรู้ว่าถึงได้ตัวเองก็ไม่เรียน ยังเท่ากับเป็นการไม่ไปกันที่คนอื่นที่เขาอยากเรียนด้วย ขณะที่ตัวเลือกของน้องปรางในคณะนิเทศศาสตร์ ยังทำให้น้องสามารถสื่อความรู้ความเข้าใจไปสู่คนทั่วไป ช่วยปรับทัศนคดิหรือค่านิยมของผู้คนไปในทางที่ถูกต้องได้เช่นกัน
เรียกได้ว่าเป็นความคิดและมุมมองดี ๆ จากผู้ปกครองที่ชาวเน็ตต่างชื่นชมเป็นอย่างมาก ขณะที่หลายคนยังบอกว่า หากผู้ปกครองทุกคนมีทัศนคติเช่นนี้ สังคมคงจะพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
เลคเชอร์ของน้องที่ได้คะแนนอันดับ1 ของประเทศ เรียนสายวิทย์ แต่เข้านิเทศศาสตร์ สายศิลป์ เห็นวิธีการจำและกระบวนการคิดแล้วน่าทึ่งมากครับ อย่างนี้เรียนหมอได้สบาย และไม่ว่าเรียนอะไรด้วยกระบวนการคิดเช่นนี้ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก
น้องเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กที่มีโอกาสได้เลือกเรียนสิ่งที่ตนเองรัก และสนับสนุนโดยครอบครัวที่เข้าใจ ซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่เป็นหมอทั้งคู่ครับ
แม้สังคมอาจคิดต่างๆกันไป..ผมเชื่อว่าการได้เรียนในสิ่งที่รัก ได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ ย่อมมีความสุขมากกว่า และประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า ที่สำคัญทุกวิชาชีพล้วนมีคุณค่าต่อสังคมและประเทศชาติเฉกเช่นเดียวกันครับ
ยินดีกับน้องปรางค์ลูกสาวอาจารย์ Sawat Bond ครับ
หมายเหตุ : ตอนนี้ทราบที่มาของภาพจากคุณหมอที่แชร์มาให้ผมโดยไม่มีรายละเอียดที่มาในช่วงแรก ต้องขออภัย และขอขอบคุณ ครูบาส @Attavit Panyapinyophol เจ้าของภาพครับ และ ขอบคุณคุณพ่อ sawat bond ที่เข้ามาตอบให้รายละเอียดเพิ่มเติมในกระทู้ครับ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆไม่มากก็น้อยครับ