http://teen.mthai.com/variety/93838.html
แซลลี่ คริสเทน ไรด์ (Sally Kristen Ride) หรือ แซลลี่ ไรด์ (Sally Ride) เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 1951 เธอเกิดและโตในลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แซลลี่ ไรด์ ได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ต่อมาในปี 1978 เธอก็เข้าสมัครเพื่อร่วมโครงการสำรวจอวกาศของนาซ่า ฝ่าฟันผู้สมัครกว่า 8,000 คน จนในที่สุดเธอได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการครั้งนี้
การเดินทางครั้งแรกในอวกาศของ แซลลี่ ไรด์ ในปี ค.ศ. 1983 แซลลี่ ไรด์ นักฟิสิกส์สาวคนนี้ ได้เดินทางไปในอวกาศเพื่อทำการทดลอง ศึกษาวงโคจรต่างๆ ในอวกาศ เธอได้เป็นหนึ่งในลูกทีมของยานชาเลนเจอร์ (Challenger) ที่เดินทางไปพร้อมกับนักบินอวกาศชายอีก 4 คน ซึ่งเธอได้รับการขนานนามว่าเป็น นักบินอวกาศหญิงของสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ และยังเป็นนักบินอวกาศที่มีอายุน้อยที่สุดในสหรัฐที่ได้ขึ้นสำรวจอวกาศในขณะนั้นด้วย ซึ่งเธอมีอายุเพียง 32 ปี *การท่องอวกาศครั้งนี้นับเป็นเที่ยวบินที่ 7 ของกระสวยอวกาศของนาซ่าที่ขึ้นท่องอวกาศ*
ในปี 1984 แซลลี่ ไรด์ ได้เดินทางไปสำรวจอวกาศเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้ได้เดินทางไปพร้อมกับมนุษยอวกาศหญิงอีก 2 คน คือ จูดิธ เรสนิก (Judith Resnik) และ แคธรีน ซัลลิวัน (Kathryn Sullivan) หลังจาก แซลลี่ ไรด์ ที่ได้เดินทางไปสำรวจอากาศ ตั้งแต่นั้นมาก็ได้เริ่มมีผู้หญิงอีกกว่า 45 คน ขึ้นไปสำรวจอวกาศ ทั้งจากอเมริกาและประเทศอื่นๆ แต่ถึงแม้ แซลลี่ ไรด์ จะเป็นนักบินอวกาศหญิงคนแรกของอเมริกา แต่เธอก็ไม่ใช่นักบินอวกาศหญิงคนแรกของโลกที่ขึ้นไปในอวกาศ เพราะในปี 1963 วาเลนติน่า เทเรสโกวา (Valentina Tereshkova) เป็นนักบินอวกาศหญิงชาวโซเวียต ที่ได้ขึ้นไปสำรวจอวกาศพร้อม จรวดวอสตอก 6 (Vostok 6) ก่อนหน้านี้แล้ว ในปี 1986 แซลลี่ ไรด์ ได้ถูกรับเลือกให้ขึ้นไปสำรวจอวกาศเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ได้ถูกยกเลิกไปซะก่อน เพราะเกิดอุบัติเหตุกับกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ คร่าชีวิตคนไป 7 ราย เธอจึงเข้าร่วมองค์กรเพื่อช่วยสืบหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ รวมถึงได้ช่วยงานด้านอื่นๆ อีกหลายอย่าง
แซลลี่ ไรด์ ตัดสินใจออกจากนาซ่า – ในปี 1987 แซลลี่ ไรด์ ลาออกจากนาซา หลังจากนั้นก็ได้เข้าทำงานที่ สถาบันวิจัยด้านความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนึ่งปีให้หลัง ในปี 1989 เธอได้เข้าทำงานในภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานดิเอโก (University of California-San Diego) และเป็นผู้อำนวยการของสถาบันอวกาศแคลิฟอร์เนีย (California Space Institute) หลังจากนั้น แซลลี่ ไรด์ เล็งเห็นโอกาส อยากขยายความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กๆ เธอได้เปิดบริษัทแซลลีไรด์ไซน์ ในซานดิเอโก สร้างโปรแกรมวิทยาศาสตร์และสื่อสำหรับนักเรียนและนักการศึกษา (ในระดับชั้นประถมและมัธยม) นอกจากนี้เธอรวบรวมความรู้ ประสบการณ์ ของเธอ เขียนเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน และหนังสือที่เป็นความรู้อีกหลายๆ เล่มมอบให้นาซา, คณะที่ปรึกษาทางด้านอวกาศและเทคโนโลยี รวมถึงคณะกรรมการที่ร่วมสืบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งที่ 2 ที่เกิดแก่กระสวยอวกาศเมื่อปี 2003 ด้วย
ในปี 2012 (24 กรกฏาคม 2555) แซลลี่ ไรด์ นักฟิสิกส์และนักบินอวกาศ ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 61 ปี จากการป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน ซึ่งต่อสู้และรักษามานานกว่า 17 ปี บารัค โอบามา (Barack Obama) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึง แซลลี่ ไรด์ ว่า “เธอเป็นวีรสตรีของสหรัฐฯ และเป็นต้นแบบที่ทรงอิทธิพล เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กผู้หญิงอีกหลายๆ คนที่อยากจะเอื้อมไปให้ถึงดวงดาว” ชารลส์ โบลเดน (Charles Bolden) ผู้อำนวยการนาซาและอดีตมนุษย์อวกาศ กล่าวถึง แซลลี ไรด์ ว่า “เธอได้ทำลายกำแพงด้วยความอ่อนโยนและเป็นมืออาชีพ และได้เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์โครงการอวกาศของอเมริกา”