พิกซี
พิกซี (Pixie หรือ Piskie หรือ Pigsie) หนึ่งในเชื้อสายเผ่าพันธ์แฟรี่ มีลักษณะเป็นภูตตัวเล็กๆ มีปีกแบบแมลง สูงไม่เกิน1ฟุต(ตามปกติ) และสามารถขยายหรือลดขนาดของตัวเองได้ ในความเชื่อเรื่องพิกซี่นั้นเป็นที่แพร่หลายในเดวอน และคอร์นวอลล์ซึ่งทำให้เชื่อว่าน่าจะมีรากฐานมาจากวั ฒนธรรมเคลต์
พิกซี่ เป็นนิทานพื้นบ้านของอังกฤษ เป็นภูตขนาดจิ๋ว พิกซี่มีความซุกซนมาก
และชอบกลั่นแกล้ง หญิงสาวและนำนักเดินทางให้หลงทาง
ภูตตัวเล็กๆมีปีกบินได้ ถูกนำมาเสนอ ในเรื่องปีเตอร์แพน ชื่อว่า ทิงเกอร์เบลล์ ยังมีนิทานพื้นบ้านอีกที่กล่าวถึงพวกพิกซี่มาช่วยทำง านให้ชาวนาหรือมาอาศัยอยู่ในบ้าน
บางตำนานกล่าวว่า
สัตว์ วิเศษอย่างพวกพิกซี่ เอลฟ์ฯ ในนิทานพื้นบ้านแถบยุโรป สัตว์วิเศษพวกนี้เรียกอีกอย่างว่าแฟรี่
ในนิทานพื้นบ้าน แฟรี่ หรือชาวฟ้า เป็นพวกที่มีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ มีเวทมนตร์หรือมนตรา ในวรรณกรรมพื้นบ้านทั่วโลก จะมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับแฟรี่และความใกล้ชิดกับมน ุษย์ โดยมีชื่อเรียกและรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปในแต่ละป ระเทศ รวมทั้งนิสัยดีหรือร้ายคละกัน
ซึ่งตามหนังสือได้แบ่งประเภทของแฟรี่ หรือชาวฟ้า หรือเรียกง่ายๆว่าภูตนี้ไว้ดังต่อไปนี้ค่ะ
สไปร์ท - แฟรี่ตัวเล็กมีปีก คล้ายเอลฟ์หรือ พิกซี่ สไปร์ทมีหน้าที่สำคัญมากอย่างเดียวคือ เลี่ยนสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง มีกระป๋องสีสดใสทุกเฉดในเฉดสีแดงและเหลือง สไปร์ทเป็นพวกสร้างสรรค์ ร่าเริง เป็นศิลปินและกวี บางตนมีความผูกพันกับมนุษย์ หรือเอลฟ์ ถึงขั้นแต่งงาน อยุ่ด้วยกันตลอดชีวิต
Ruhk
อีกชื่อหนึ่งของเจ้าตัวนี้คือ Roc รุคเป็นนกยักษ์มาจากตำนานของอาหรับ และเล่ากันว่ามันตัวใหญ่เสียจนบังพระอาทิตย์มิดเมื่อ มันบิน ขาของมันขาหนึ่งใหญ่เท่ากับขาไก่ 148 ขา มันจะออกล่าช้างมาให้ลูกของมันกินทุกวัน ทุกครั้งที่มันออกบินปีกของมันจะสะบัดอย่างรุนแรงทำใ ห้เกิดพายุและฟ้าแลบ ในตำนานบางเรื่องของอาหรับบอกว่ารุคจะไม่มีวันหยุดยื นบนพื้นโลกเว้นเสียจากบนภูเขา Qaf สำหรับอีกตำนานหนึ่งบอกว่ารุคอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ ่งในมหาสมุทรอินเดีย และมันมักจะบินไปที่อินเดีย คาบสมุทรอาระเบีย หรือแอฟริกาเพื่อหาอาหาร
Shark Man
Shark Man (ชาร์คแมน): ชาร์คแมนหรือ “มนุษย์ฉลาม” นั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์หมาป่า ชาร์คแมนบริเวณเกาะฮาวายสามารถเปลี่ยนร่างไปมาระหว่า งมนุษย์กับฉลามได้ ขณะที่เป็นฉลาม เขาจะมีสัญชาตญาณสัตว์เต็มรูปแบบและมักจะลงมือล่าเหย ื่อโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเพื่อนบ้านของร่างมนุษย์ของเข าหรือไม่ ชาร์คแมนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Nanaue บุตรของหญิงใกล้ตายกับพระเจ้าแห่งฉลาม (Shark God) Nanaue มีปากฉลามบนหลังของเขา เมื่อเขาลงน้ำจะกลายร่างเป็นปลาฉลาม และเขาจะบาดเจ็บได้ง่ายถ้าไม่ลงน้ำ เมื่อเขารู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ฉลามก็รีบย้ายไปหมู่บ้าน อื่นทันที ในที่สุดเขาได้ติดกับดักของชาวประมงขณะที่ยังเป็นปลา ฉลาม และถูกฆ่าโดยตัดเป็นเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปเผา
เวตาล
ตามตำนานของชาวฮินดู กล่าวว่าเวลานั้นเป็นวิญญาณร้ายที่วนเวียนอยู่ตามสุสาน และคอยเข้าสิงอยู่ในซากศพต่างๆ มันจะทำร้ายมนุษย์ที่เข้าไปรบกวน เหยื่อของเวตาลจะถูกเข้าสิง ทำให้มือและเท้าหันไปข้างหลังเสมอ เวตาลยังทำให้ผู้คนเป็นบ้า ฆ่าเด็ก และแท้งลูก แต่เวตาลยังมีข้อดี คือมันจะคอยดูแลหมู่บ้านของมันเอง
เวตาลนั้นเป็นวิญญาณร้าย คอยทำร้ายบุคคลที่ลูกหลานไม่ยอมทำพิธีศพให้พ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกกักอยู่ในแดนสนธยา ระหว่างการดำรงอยู่ด้วยชีวิต และการดำรงอยู่หลังมีชีวิต (หลังความตาย) ปิศาจเหล่านี้อาจได้รับอามิสด้วยเครื่องเซ่นหรือถูกข ับให้ตกใจด้วยมนตร์ เวตาลอาจหลุดพ้นจากสภาพปิศาจได้หากการทำพิธีศพของตน แต่เมื่อเป็นปิศาจแล้ว ก็ไม่สามารถพ้นจากกฎแห่งเวลาและเทศะ พวกมันจะความรู้ประหลาดเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และหยั่งรู้สึกถึงใจตน ดังนั้นหมอผีจำนวนมากจีงพยายามดั้นด้นเสาะหาเวตาล และควบคุมเอาไว้ใช้
นิมฟ์ [นางไม้]
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก นิมฟ์ (nymph) คือสตรีที่เป็นร่างตัวแทนของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นร่างที่ยึดติดกับสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือเป็นผู้ติดตามของเหล่าทวยเทพ ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าซาไทร์ (satyr) ตัณหาจัด
วอลเตอร์ เบอร์เคิร์ต (Walter Burkert) กล่าวว่า "ความคิดที่ว่าแม่น้ำคือเทพเจ้า และน้ำพุคือนิมฟ์นั้น ไม่ได้เป็นแค่ความนึกคิดของนักกวี หากแต่ยังเป็นถึงความเชื่อและพิธีกรรมอีกด้วย การบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ถูกจำกัดอยู่เพียงสถานที่หนึ่ งที่ใดที่พวกเขาไม่สามารถแยกออกจากสถานที่แห่งนั้นได ้" นิมฟ์นับเป็นบุคคลาธิษฐานของการสรรสร้างของธรรมชาติ ซึ่งบ่อยครั้งมักใช้เป็นสัญลักษณ์ของน้ำพุ
บางตำนานกล่าวว่า
นิมฟ์เป็นจิตวิญญาณหรือตัวตนแห่งสิ่งของใน ธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ แม่น้ำ ไอหมอก และภูเขา พวกเธอจะอยู่ในรูปของหญิงบริสุทธิ์ผู้งดงาม ในตำนานของกรีก Dryad (ดรายแอด) และ Hamadryad (ฮามาดรายแอด) เป็นจิตวิญญาณแห่งต้นไม้ ดรายแอดอาศัยอยู่ในป่าและฮามาดรายแอดจะมีพันธะกับต้น ไม้บางต้นเท่านั้น ชีวิตของพวกเธอจะยืนยาวตราบที่ต้นไม้ที่เธอสิงสู่ยัง มีชีวิตอยู่
ลามิอา
ลามิอา (lamia) อสูรกายที่มีรูปร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้หญิงลำตัวส่ว นล่างเป็นงู ชอบดูดเลือดเด็กๆ ตามตำนานของกรีกโบราณเล่าว่า แรกเริ่มเดิมทีเป็นเจ้าหญิงที่หลงรัก มหาเทพซีอุส ( เจ้าชู้ขนาดนี้ยังมีสาวๆมาหลงรักอีก ) และก็รู้ๆกันอยู่ว่ามเหสีขี้หึงเจ้าอารมณ์ ฮีร่า ต้องกระทำการใดกับผู้ที่หลงผิดมารักพระสวามีของตน ก็เลยสาปให้ลามิอากลายเป็นอสูรกายแล้วฆ่าลูกๆของนางเ อง เท่านั้นยังไม่สาสมใจนาง นางยังจับลามิอามาบิดจนนัยต์ตาของลามิอาไม่สามารถปิด ลงได้ ทำให้ลามิอานอนไม่หลับตลอดการและทรมานด้วยภาพที่ลามิ อาฆ่าลูกตัวเอง เทพเจ้าซีอุสนึกสงสารจึงมอบพลังให้แก่นางทำให้นางสาม ารถควักในตาตนเองทิ้งไปเพื่อให้หลุดพ้นจากภาพอันน่าส ยดสยองที่นางฆ่าลูกตนเอง สิ่งเดียวที่พอจะช่วยนางได้ก็คือการขโมยลูกๆของคนอื่ น
บางตำนานกล่าวว่า
ลาเมียเคยเป็นผู้หญิงธรรมดามาก่อน และได้พบรักกับเทพซูสอีกด้วย เธอถูกสาปให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วยฝีมือของฮีรา ภรรยาของซูสผู้อิจฉาริษยา ลาเมียในร่างสัตว์ประหลาดนั้นมีศีรษะเป็นผู้หญิง ร่างกายเป็นงู มีกีบเท้าแยกออก และหางเป็นสิงโต นอกจากฮีราจะสาปลาเมียแล้ว ยังฆ่าลูก ๆ ของลาเมียด้วย ลาเมียจึงออกฆ่าเด็กเป็นการล้างแค้น
ยามาตะ โนะ โอโรจิ
ยามาตะ โนะ โอโรจิ
คือชื่อของจอมอสูรในตำนานเทพปกรณัม ของญี่ปุ่นโบราณ
เมื่อคราที่อิซะนะงิ เทพบิดร และอิซะนะมิ เทพมารดร สร้างประเทศญี่ปุ่นขึ้นโดยการกวนน้ำทะเลนั้น ได้เกิดจอมอสูรขึ้นมาในยุคเดียวกันนั้นด้วย คือยามาตะ โนะ โอโรจิ
ยามาตะ โนะ โอโรจิ มีลักษณะเป็นงูขนาดใหญ่ ร่างกายของมันใหญ่ปานขุนเขา มีหัวแปดหัว (ด้วยเหตุนี้ จึงชื่อว่ายามาตะ หมายถึง แปดง่าม คือมีหัวทั้งแปด งอกออกมาจากง่ามทั้งแปด) และสามารถพ่นไฟได้
เมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิ ปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะไปยังหมู่บ้านใดๆ ก็ตาม จะเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตคน และสัตว์เป็นจำนวนมาก แต่ละหมู่บ้านที่ยามาตะ โนะ โอโรจิ จะผ่านไปนั้น จึงต้องคัดเลือกหญิงสาวมาสังเวยให้แก่ยามาตะ โนะ โอโรจิ เพื่อทำให้ยามาตะ โนะ โอโรจิ พึงพอใจ จะได้ไม่มาทำลายหมู่บ้าน
ขณะนั้น จอมเทพ ซุซะโนะโอะ โนะ มิโคโตะ เทพแห่งพายุ น้องชายของเทพีอามาเทระสุ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ ได้ออกเดินทางผจญภัยไปยังแคว้นต่างๆ เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้น ได้มีการจัดเตรียมเครื่องสังเวย โดยหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านที่ 8 ที่ยามาตะ โนะ โอโรจิ จะมาเยือน ซุซะโนะโอะ ได้รู้ดังนั้น จึงอาสาที่จะปราบยามาตะ โนะ โอโรจิ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นภัย
ซุซะโนะโอะ ได้เตรียมสุราไว้ด้วยกันแปดจอก และนำเอาหญิงสาวซ่อนไว้ด้านในสุด โดยให้เงาของหญิงสาวทาบทับสะท้อนลงไปในจอกสุราทั้งแป ดจอกนั้น เมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิมาถึงก็ไล่ดื่มสุราทีละจอกทีละจอก เพราะเห็นเงาของหญิงสาวนั้นสะท้อนอยู่ในเหล้าทุกจอก เมื่อดื่มครบแปดจอก ก็เกิดความเมามาย ซุซะโนะโอะที่ซ่อนตัวอยู่เห็นว่าได้จังหวะเหมาะ จึงกระโจนออกจากที่ซ่อน แล้วใช้ดาบฟาดฟันงูยักษ์ยามาตะ โนะ โอโรจิจนหัวขาดหมดสิ้นทั้งแปดหัว และถูกสยบลงได้ในที่สุด
เมื่อยามาตะ โนะ โอโรจิถูกกำราบลงแล้ว ซุซะโนะโอะได้เห็นว่าที่หางของยามาตะ โนะ โอโรจินั้นมีแสงเรืองรองส่องสว่างอยู่ จึงได้ตัดหางของยามาตะ โนะ โอโรจิออกดู และพบว่ามีดาบอยู่ในนั้น ดาบที่ซุซะโนะโอะนำออกมาจากปลายหางของยามาตะ โนะ โอโรจิ มีชื่อว่าดาบคุซานางิ ซุซะโนะโอะได้นำดาบนั้นมาครอบครองและนำไปถวายให้อะมา เตระสุเพื่อขอขมาในภายหลัง