คดีที่สะท้อนถึง จุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์
"คดี พรหมพิราม"
อาชญากรรมทางเพศที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
พาดหัวข่าวหน้า1นสพ.ไทยรัฐ .29ส.ค.2520
เรียงคิว 30 คน ฆาตกรสารภาพเผยนาทีฆ่าโหด "จับสาวให้ม้าเหล็กขยี้"
เผยสาวหัวขาดคดีข่มขืนโหด ผัวยืนยัน30คนเถื่อนโทรมเมียตาย
รองนายกระบุข่มขืนสาวให้รถไฟทับโหดร้ายทารุณ"ไม่พ้นม.21แน่"
สั่งย้ายที่คุมขัง 8 มนุษย์บ้ากามพบแผนแหกโรงพักหนีคดีข่มขืนโหด
ถ้อยคำเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนของข้อความพาดหัวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงกันยายนในปีพ.ศ.2520 เป็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีเดียวกันกับที่ขวัญใจชาวไทยไอ้แสบ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์นักมวยขวัญใจชาวไทยเพิ่งขึ้นชกชนะนักมวยชาวต่างชาติ อาชญากรรมสะเทือนขวัญที่กล่าวได้ว่าไม่เพียงสร้างความอัปยศให้กับพี่น้องชาวพรหมพิราม จ.พิษณุโลก จากการที่อมนุษย์จำนวน 30 ชีวิตก่อกรรมอันเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์รุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวต่างถิ่นด้วยความไร้จิตสำนึก ปราศจากมนุษยธรรม เป็นการกระทำที่มนุษย์ไม่พึงกระทำต่อกัน สะท้อนถึงศีลธรรมที่ไม่มีอยู่ในใจของคนกลุ่มหนึ่งที่เกิดมาในเมืองไทยที่ได้ชื่อว่าเมืองพุทธ นี่คืออุทาหรณ์ครั้งสำคัญที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยไม่ว่าจะเป็นยุคไหนสมัยใด ถ้าการ์ดรถไฟไม่ไล่หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายลงจากรถไฟเพราะไม่มีเงินจะตีตั๋ว เหตุการณ์เลวร้ายจะไม่เกิดขึ้นถ้าความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของคน คดีอัปยศจะไม่เกิดขึ้นถ้ากลุ่มคนทั้ง 30 ชีวิตมีความเป็นคน
เรื่องราวความเป็นมาของคดี
ข่าวนี้ในสมัยนั้นคึกโครมมาก เพราะมีผู้ต้องหาถึง 30 คนหรือมากกว่านั้น เรียกได้ว่าแทบจะหมดหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ และไทยรัฐนำเรื่องหรือการสอบสวนผู้ต้องหามาลงรายละเอียดในหน้า 1 ทุกวัน ผู้ต้องหารายสุดท้าย สารภาพว่า ข่มขืนผู้หญิงนี้ไปรอบหนึ่งแล้ว และผู้หญิงเดินไปล้างเลือดที่ข้างบ่อน้ำ จำเลยได้ตามไปจะข่มขืนซ้ำอีก แต่ผู้หญิงบอกว่า ไม่พออีกหรือ และพยายามขัดขืน จึงจับผู้หญิงมานั่งพิงแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนที่โคนต้นไม้และลงมือข่มขืน พร้อมกับบีบคอไปด้วย จนเสียชีวิตในที่สุด
หลังจากข่าวนี้ก็มีการสืบหา การ์ดรถไฟคนที่ไล่ผู้หญิงลงจากรถ ก็พบตัว โดยการ์ดนั้นสารภาพว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ซื้อตั๋วรถ โดยอ้างว่าไม่มีเงิน เพราะกำลังจะไปตามสามี ขอนั่งไปลงพิจิตร แต่การ์ดไม่อนุญาต โดยอ้างว่าผิดระเบียบ และไล่ให้ลงที่สถานีพรหมพิราม ซึ่งเป็นสถานีเล็กๆจนต้องมาประสบชะตากรรมดังกล่าว
ประเด็นนี้มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางมากว่าทำไมรถไฟต้องโหดร้ายขนาดนั้น อย่างน้อยก็น่าจะรอให้ถึงสถานีระดับจังหวัดที่มีคนหรือเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ก่อนแล้วให้ลงก็ได้ จำได้ว่ามีพวกองค์กรสตรีกับนักการเมืองออกมาพูดกันหลายคน แล้วก็เงียบ ๆ ไปไม่รู้ว่ารถไฟยังมีนโยบายไล่ลงจากรถอีกหรือเปล่า
เรื่องจริงคดีนี้ถูกสร้างเป็นหนัง ชื่อเรื่อง "คนบาปพรหมพิราม" แต่ถูกชาวบ้าน อ.พรมพิราม รวมตัวกันคัดค้าน จึงเปลี่ยนเป็นเรื่อง "คืนบาป พรมพิราม"
สมัยนั้นมีข่าวเล็ก เสนอใน นสพ.ไทยรัฐ มีการเสนอข่าวว่า มีหญิงไทยไม่ทราบชื่อถูกรถไฟทับคอ ร่างขาด เป็น 3 ท่อนที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
ข่าวนี้ทีแรกก็เป็นแค่ข่าวอุบัติเหตุธรรมดา แต่ต่อมามีการขุดคุ้ยจากนักข่าวท้องถิ่น โดยเริ่มตั้งแต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนในท้องถิ่น ทำไมอยู่ดี ๆ มาถูกรถทับตายที่นี่ได้ และคนแถวนั้นก็ไม่รู้จัก ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาที่อำเภอนี้ แสดงว่าต้องถูกฆ่าตายมาจากที่อื่นแล้วนำมาอำพรางคดี หรือ ตกรถไฟแล้วถูกรถทับตายซึ่งสมัยนั้นเกิดบ่อยเพราะพวกชอบปีนหลังคารถไฟนั่งฟรี