ทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รวบรวมรื่องเล่า ตำนาน อิทธิปาฏิหาริย์ ของอดีตขุนโจรชื่อก้องอย่าง "เสือใบ" รวมถึงเสือร่วมรุ่นอย่าง เสือมเหศวร และเสือดำ ที่คนรุ่นก่อนเคยบอกเล่ากิตติศัพท์ให้ฟังมาถ่ายทอดให้เราได้รับรู้กันอีกครั้ง
เปิดเรื่องเล่าเสือใบ ปล้นคนรวยช่วยคนจนจริงหรือ...
"ใบ สะอาดดี" หรือ เสือใบ อดีตขุนโจรสุพรรณฯที่เลื่องชื่อ มีเรื่องเล่าขานมากมาย เสือใบ นับเป็นโจรร่วมรุ่นสมัยกับ เสือดำ เสือหวัด เสือฝ้าย และเสือมเหศวร โด่งดังอย่างมากในยุคก่อน เพราะทุกครั้งที่ออกปล้นจะแต่งชุดสีดำ สวมหมวกดำ และปล้นด้วยความสุภาพ จนได้รับฉายาว่า "สุภาพบุรุษเสือใบ" ซึ่งส่วนใหญ่จะปล้นในพื้นที่ภาคกลาง
ครั้งหนึ่งลุงใบ เคยเล่าเรื่องวีรกรรมของตนเองว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้ยกทัพผ่านมาที่ จ.กาญจนบุรี จึงได้ร่วมกับเสือคนอื่นๆ เป็นกองหนุนให้กับกลุ่ม "เสรีไทย" และขบวนการ "ไทยถีบ" รบแบบกองโจร รวมถึงการปล้นสินค้าและอาวุธของญี่ปุ่นจากขบวนรถไฟอีกด้วย นอกจากนี้ ยังอาสานำอาวุธที่ได้รับจากอเมริกา ไปให้เสือมเหศวร เสือดำ และกองกำลังอาสาอื่นๆ ด้วย
เมื่อรุ่งโรจน์ก็มีร่วงโรย....ในเวลาต่อมาชุมโจรถูกตีแตก เสือใบก็กลายเป็นเสือเผ่น...หลบหนีมากบดานในกรุงเทพฯ เป็นนักเลงคุมลูกน้องก่อเหตุอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งต้องหลบหนีอีกครั้ง คราวนี้ได้หนีไปที่ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ระหว่างที่หลบหนีจนเหนื่อยล้า พอตื่นขึ้นมาก็ถูกตำรวจรายล้อมไว้แล้ว ซึ่งที่ที่เขาถูกจับก็ไม่ใกล้ไม่ไกล ข้างโรงพักสหัสขันธ์ ซึ่งเจ้าตัวได้ยกสุภาษิต "หนีช้างไม่ให้ห่างต้นไม้" หรือภาษาบ้านๆ ก็คือ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด..!?!
หลังถูกจับศาลตัดสิน "ประหารชีวิต" แต่ก็ได้ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาก็ได้รับการอภัยโทษเหลือ จำคุก 20 ปี ระหว่างที่วันเวลาผ่านไป เสือใบ ก็ได้โอกาสทำความดีชดใช้ความผิดบ้าง ด้วยการยอมเจ็บตัวเสี่ยงเข้าช่วยผู้คุม ขณะจะถูกนักโทษคนหนึ่งเข้าทำร้าย เขาถูกแทงที่มือซ้ายได้แผลเป็น เป็นอนุสรณ์ของความดี
เสือใบถูกจองจำอยู่ประมาณ 16 ปี ก็พ้นโทษ หลังพ้นพันธนาการก็กลับตัวเป็นคนดี แม้กระทั่งเนื้อสัตว์ก็ไม่รับประทาน
“เสือใบ” ยังได้ทิ้งคำสอนให้ลูกหลานที่ “เกเร” รู้ว่าการเป็น "โจร" เป็นเสือมันไม่ดีเพราะต้องอยู่แบบหลบซ่อนตัวตลอดเวลา และทรัพย์สินที่ปล้นมาอยู่ได้ไม่นาน จึงอยากจะให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ขยันหมั่นเพียรเข้าไว้ อยากได้อะไรก็ค่อย “เก็บหอมรอมริบ” เอา เดี๋ยววันหนึ่งเราจะได้สิ่งที่เราต้องการเอง!
เสือมเหศวร หนังเหนียว ยิงโดนหัวกระสุนเด้งออก
เสือมเหศวร หรือชื่อจริง ศวร เภรีวงษ์ บ้านเกิดอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เช่นเดียวกับเสือใบ จุดเริ่มต้นของเส้นทางโจร เริ่มขึ้นเมื่อตอนเขาอายุยี่สิบกว่าๆ บิดาถูกกำนันที่บ้านเกิดฆ่าตาย แถมยังถูกใส่ร้ายว่าได้ฆ่าพ่อตัวเอง เท่านั้นยังไม่พอยังถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น กระทั่งได้เข้าไปร่วมกับชุมเสือฝ้าย (ฝ้าย เพ็ชนะ หรือ ครูฝ้าย) จากนั้นได้นำพรรคพวกหลายสิบคนกลับมาแก้แค้น กระทั่งเสือฝ้ายโกรธที่ไปหาเรื่อง จึงได้ออกจากชุมเสือฝ้าย และมาออกปล้นด้วยตัวเอง โดยมีสมัครพรรคพวกกว่า 50 คน
คำว่า "มเหศวร" มาจากพระที่เสือชื่อดังคล้องคอไว้ โดยมีความเชื่อว่าจะทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย โดยที่ผ่านมา เคยถูกไล่ยิงแต่กระสุนก็หักเหไปหมด คนทั่วไปเลยเชื่อว่า "หนังเหนียว ยิงไม่เข้า" ซึ่งในเรื่องนี้ อดีตเสือมเหศวร เคยออกมาโชว์ตัวผ่านรายการช่องหนึ่ง พร้อมกับโชว์รอยแผลเป็นที่หัว จากการถูกยิงมาแล้ว อดีตเสือมเหศวรบอกสั้นว่า "ครั้งนั้นได้ยิงกับตำรวจ ระหว่างที่ยิงกันก็ถูกกระสุนเข้าที่หัว แต่กระเด้งออกไป"
"ตอนเกิดสงครามโลก ชาวบ้านอดอยากและยากจนมาก จึงนำกำลังไปปล้นคนรวยช่วยคนจน มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกน้องคนสนิทเสือฝ้ายคนหนึ่งได้ทำร้ายเจ้าทรัพย์และจะข่มขืนลูกสาว ผมจึงยิงทิ้ง ซึ่งเมื่อเสือฝ้ายได้รู้ก็มิได้ว่าอะไร เนื่องจากชุมโจรก็มีสัจจะ หากใครละเมิดกฎก็ต้องทำตามกฎ" อดีตเสือมเหศวร เล่า เมื่อครั้นผ่านเรื่องราวต่างๆ มานานหลายสิบปีแล้ว
เสือมเหศวร ถูกกล่าวขวัญและเป็นที่หวาดกลัวมาก เพราะชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่วทั้งภาคกลาง โจรบางคนเวลาออกปล้นก็อ้างตัวว่าเป็นเสือมเหศวร ก็มี อย่างไรก็ดี เสือมเหศวร ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หลังจาก "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" ได้เข้าเกลี้ยกล่อม และได้ติดคุกนานกว่า 10 ปี เนื่องจากไม่มีเจ้าทุกข์ และเมื่อออกจากคุก ก็ได้ออกบวช จากนั้นได้มาใช้ชีวิตที่ จ.ชัยนาท
จากนั้น วันที่ 15 พ.ย.57 นายศวร เภรีวงษ์ ในวัย 101 ปี ได้เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านพัก เลขที่ 204 หมู่ 5 ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท ทั้งนี้ นายสันติสุข เภรีวงษ์ สมาชิก อบต.ไพรนกยูง ลูกชายคนเล็ก ในวัย 50 ปี (ตอนนั้น) บอกว่า พ่อเป็นโรคหัวใจโต และโรคไต เข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง จนกระทั่งเสียชีวิต
อดีตเสือดำ แคล้วคลาด คงกระพัน หายตัวได้
ณ ปัจจุบัน 4 เสือในตำนาน คือ เสือฝ้าย เสือใบ เสือมเหศวร เหลือเพียง 1 เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร หรือ อดีตเสือดำ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดศรีนวลธรรมวิมล เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยหลวงพ่อเสือดำ เกิดเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2467 ถึงตอนนี้อายุอานามก็ปาเข้าไป 91 ปีแล้ว
อดีตเสือดำ ขึ้นชื่อเรื่อง คาถาคลาดแคล้ว คงกระพันชาตรี และหายตัวได้ ก่อนจะออกปล้นทุกครั้งจะประกาศให้ทราบล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ต่อมาได้เผชิญหน้ากับ "ขุนพันธ์" มือปราบจอมขมังเวทหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมีเรื่องเล่าบอกว่า อดีตเสือดำ ได้พ่ายแพ้และได้ขอบวช กับ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจ ในขณะนั้น จนกระทั่งบัดนี้
ขณะที่ หลวงพ่อทวีศักดิ์ เคยเล่าผ่านรายการทีวีรายการหนึ่งว่า ได้เจอกับขุนพันธ์หลายครั้ง จนกระทั่งครั้งสุดท้าย ขุนพันธ์ได้เดินมากอดคอและถามว่าศิษย์ใคร เมื่อบอกไปจึงได้รู้ว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน จากนั้น ขุนพันธ์ได้เอ่ยปากขอชีวิตลูกน้อง 1 คน หลังจากฆ่าแล้วก็นำศพมาเผาแล้วออกข่าวว่า "เสือดำตายแล้ว"
ก็นับว่าตายจริงๆ จากเส้นทางสายโจร แต่ก่อเกิดในเส้นทางธรรมแทน....
หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร ยังบอกอีกว่า ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมาจากอาจารย์หลายคน คือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน) หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี) หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ (อาคมของขลัง ความรู้ด้านสมุนไพร) หลวงพ่อแช่ม วัดตากล้อง (เกจิเรืองเวทวิทยาคม) หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก (เมตตามหานิยม แคล้วคลาด) หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม (เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี เป็นอาจารย์คนเดียวกับขุนพันธ์)
ทั้งหมดคือเรื่องราว "3 เสือ" ที่ถูกกล่าวขานมานานนม โดยเฉพาะเรื่องอิทธิ ปาฏิหาริย์ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน...
อ่านเพิ่มเติมได้จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ