ประเทศอังกฤษ ในยุควิกตอเรีย (Victorian era) นั้นถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรม แฟชั่นและเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในยุคนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ก้าวหน้ามากๆ รวมถึงเรื่องแปลกๆ กับ 10 งานอดิเรกสุดเพี้ยนของคนในสมัยยุควิคตอเรีย! นี้ด้วย และไม่น่าเชื่อว่าบางอย่างนั้นยังมีให้เห็นในปัจจุบัน >,<
10 งานอดิเรกสุดเพี้ยนของคนในสมัยยุควิคตอเรีย!1. คลั่งสารหนู
สารหนูนั้นเป็นสารประกอบของเครื่องใช้ในครัวเรือนที่แพร่หลายเป็นอย่างมากในยุควิคตอเรีย ซึ่งได้รับการบริโภคกันอย่างมากจากทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีเครื่องสำอางเป็นจำนวนมากที่ใส่สารหนูลงไปเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวดูขาวขึ้นและอ่อนวัยขึ้น ส่วนในหมู่ผู้ชายก็มีข่าวลือว่าการบริโภคสารหนูจะทำให้ความต้องการทางเพศมากขึ้น แน่นอนว่ามันไม่เวิร์ค สารหนูก่อให้เกิดอาการป่วยและการตายเฉียบพลันเท่านั้นแหละ
2. บ้าฟิตเนส
คงคิดว่ากระแสการออกกำลังกาย ทำหุ่นเฟิร์มๆมันเพิ่งมามีในยุคหลังๆนะสิ ผิดแล้ว จริงๆในยุควิคตอเรีย เหล่าชนชั้นกลางถึงชนชั้นสูงนั้นบ้าคลั่งการออกกำลังกายเข้ายิมฟิตเนสกันเป็นอย่างมากเพื่อที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและดูดี พวกเขาคุมเข้มทั้งการออกกำลังกายและการกินอาหาร
3. บ้าใส่ Corset
ก็เหมือนสารหนู ที่ corset มีใส่กันทุกบ้าน เป้าหมายของการใส่สิ่งนี้คือการทำให้เอวคุณเล็กลง แต่ผู้หญิงบางคนก็เล่นซะอันตรายไปหน่อยนะเพราะเล่นย่อขนาด corset ซะเหลือรอบเอว 16 นิ้ว ซึ่งคุณสามารถตายได้จริงๆเลยถ้าหากใส่มันเป็นเวลานาน
4. เจาะหัวนมเคยเป็นกระแส
ในขณะที่การเจาะหูนั้นเป็นเรื่องปกติในยุควิคตอเรีย นักเจาะแกมโกงบางคนได้เสนอเหล่าสาวๆให้เจาะหัวนมของพวกเธอ ซึ่งพวกผู้หญิงในสมัยนั้นเชื่อว่าการทำแบบนั้นจะเป็นการทำให้หน้าอกของเธอใหญ่ขึ้นกลมขึ้นและน่าดึงดูดมากขึ้น … ขอไม่คอมเม้นละกันว่ามันได้ผลจริงไหม
5. ไฟฟ้าบำบัด
คนในยุควิคตอเรียนี่ชอบเล่นกับไฟฟ้าซะจริงๆเลย พวกเขาใช้ไฟฟ้าในการรักษาทุกโรคที่มีคนไข้มาจ่ายเงินคุณหมอเพื่อจะโดนช๊อตไฟฟ้า
โดยที่หมอจะใช้ไฟฟ้าบำบัดกับทุกๆอย่าง ตั้งแต่ เก้าท์ จนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยหลายคนเดินกลับบ้านไปพร้อมรอยไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้า
6. การสักได้รับความนิยมมาก
ในปี 1862 เจ้าชายแห่ง Whales ตัดสินใจที่จะไปสักในขณะที่อยู่ในเมือง เยรูซาเลม การตัดสินใจนั้นทำให้การสักเป็นที่นิยมขึ้นมาในหมู่ชนชั้นสูง แต่ว่าคนในสมัยก่อนสักแล้วไม่ค่อยเอามาโชว์กันเท่าไรนัก
ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น แต่พระเจ้า Tsar Nicholas ที่ 2 และเจ้าชายกับเจ้าหญิงแห่งเดนมาร์ค และราชาออสการ์แห่งสวีเดนนั้นต่างก็ถูกเชื่อว่ามีรอบสักทั้งนั้น
7. เป็นลมเป็นกิจวัตร
สิ่งหนึ่งที่อาจจะดูแปลกสำหรับเราๆในปัจจุบันก็คือ ผู้หญิงในยุคนั้นเป็นลมกันเยี่ยงใบไม้ร่วง เรียกได้ว่าแค่หนุ่มหล่อถอดหมวกให้ เธอก็เป็นลมเรียบร้อยแล้ว มันอาจจะฟังดูเว่อนะ แต่ก็ค่อนข้างเมคเซนส์เหมือนกันถ้าลองนึกดูว่าผู้หญิงในยุคนั้นต้องเจออะไรบ้าง (โดยเฉพาะไอ้ corset รัดรูป)
8. การอดอาหารอย่างเหนือธรรมชาติ
มีเด็กสาวหลายคนที่บอกว่าตัวเองอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอะไรแม้แต่น้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเหลวไหลและเป็นเรื่องหลอกลวง พวกเธอมักจะมีเพื่อนๆแอบเอาของกินและน้ำไปให้ตลอด ซึ่งทุกๆคนในยุคนั้นก็รู้แหละ แต่พอมีข่าวเรื่องเด็กแบบนี้ออกมาทีไรก็อดฮือฮากันไม่ได้ทุกที มีเด็กคนหนึ่งชื่อว่า Mollie Fancher อ้างว่าเธอสามารถอยู่ได้ถึง 14 ปีโดยปราศจากอาหาร
9. น้ำบำบัด
ก็เหมือนไอ้ไฟฟ้าบำบัดนั้นแหละ การใช้น้ำบำบัดนี้เป็นการที่เอาร่างผู้ป่วยลงไปแช่ในน้ำร้อนๆเดือดๆหรือน้ำที่เย็นจนเกือบเยือกแข็ง เพื่อให้น้ำรักษาโรค แน่นอนว่าแค่น้ำเย็นน้ำร้อนมันรักษาโรคอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันถูกการตลาดนำเสนอซะจนคนคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ และคนมีเงินก็พร้อมจะจ่ายเงินไม่อั้นเพื่อรักษาโรคของพวกเขา
10. ฮิสทีเรีย
ตั้งแต่ปี 1859 ฮิสทีเรียก็กลายเป็นโรคยอดนิยม ที่หมอเอามาวินิจฉัยคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาทางอารมณ์ มีปัญหากับสามีเหรอ … คุณเป็นฮิสทีเรียครับ! ช่วงนี้รู้สึกเศร้าๆเหรอ … คุณเป็นฮิสทีเรียครับ! ชอบเพ้อฝันงั้นเหรอ … คุณเป็นฮิสทีเรียครับ!
หนึ่งในทางรักษาโรคฮิสทีเรียก็คือ “การนวดกระดูกเชิงกราน” (หรือที่เราๆรู้จักกันในนาม “ช่วยตัวเอง”) โดยคุณหมอ บางทีคุณหมอจะใช้เซ็กซ์ทอยรุ่นเก๋าอันเบอเริ่มด้วย การทำแบบนี้ก็เพื่อให้เกิด “การปะทุของฮิสทีเรียอย่างฉับพลัน” (ภาษาบ้านๆก็คือ “แตก” นั่นแหละ)
ขอบคุณที่มา www.talulok.com, viralnova