10 Bird dung crab spider (แมงมุมปูขี้นก)
แมงมุมตัวนี้เป็นสัตว์ประสบความสำเร็จในการพรางตัวมากที่สุดตัวนึง ร่างกายของมันเต็มไปด้วยรอยเปื้อนและก้อนเล็กๆขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งทำให้มันมีหน้าตาหล่อเหลาเหมือนขี้นกที่สดใหม่ ไม่พอแค่นั้นมันยังชอบสร้างใยขาวๆออกมาแล้วไปนั่งทับ ให้ดูเหมือนส่วนที่มันขาวๆของขี้นกที่ตกลงมาบนใบไม้อีก!! และที่นี่ยังไม่ประหลาดพอ มันยังส่งกลิ่นเหมือนขี้อีก โอ้แม่เจ้า จะหลงใหลในขี้ไปถึงไหน!! นี่เป็นกลไลการพรางตัวสองขั้น 1.ศัตรูของมันจะได้ไม่เข้ามากินคนหน้าหล่อแบบมัน 2.มันล่อแมลงกินอึทั้งหลายให้เข้ามาใกล้ ซึ่งเป็นอาหารโปรดของมันอีกด้วย โอ อึกินแมลง!! แมงมุมตัวนี้หาพบได้ในเอเชีย ตั้งแต่อินโดนีเซียไปจนถึงญี่ปุ่น
#9 Argyrodes colubrinus (แมงมุมแส้)
มักถูกเรียกว่าแมงมุมแส้ แต่ชื่อนี้เองก็ถูกใช้กับพวกขาข้อปล้องอีกตัวทำให้อาจงงเป็นอันได้ ส่วนเจ้าตัวนี้พบในออสเตรเลีย มันมีส่วนท้องที่ยาวและบางเหมือนงู ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมัน Colubrinus แปลว่า เหมือนงู และหน้าตาประหลาดๆของมันก็เหมือนเดิม ใช้พรางตัว โดยทำให้เหมือนกิ่งไม้ที่ติดใยแมงมุมอยู่ ทำให้นักล่าหลายๆตัวมองไม่เห็นแล้วเดินจากไป และเหยื่อเองก็ไม่เห็นมันเช่นกัน แมงมุมแส้อยู่ในตระกูลเดียวกับแมงมุมแม่ม่ายดำที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินความน่ากลัวของมันดี แต่ก็ไม่สามารถทราบได้ว่าแมงมุมแส้นี้มีพิษรุนแรงเช่นเดียวกันหรือไม่ แต่มักจะสรุปกันว่ามันไม่มีอันตรายเนื่องจากธรรมชาติของมันเป็นแมงมุมที่เชื่อง และมีเขี้ยวสั้นๆ
#8 Scorpion-tailed spider (แมงมุมหางแมงป่อง)
ชื่อของมันมาจากส่วนท้องของตัวเมียที่มีหางคล้ายๆของแมงป่อง แถมเมื่อถูกโจมตี มันจะงอหางขึ้นเหมือนแมงป่องอีกด้วย แค่ตัวเมียเท่านั้นที่มีหาง ตัวผู้หน้าตาเหมือนแมงมุมทั่วไปแถมตัวเล็กกว่าเยอะ เหมือนดาราสาวสุดสวยมีแฟนเป็นไอเปี๊ยกหน้าตาเหมือนหนุ่มหน้ามนบ้านไร่ดีๆนี่เอง แมงมุมพันธุ์นี้พบได้ในออสเตรเลีย และไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น มักจะพบพวกมันอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เป็นอาณาจักรแมงมุมน้อยที่น่ารัก แต่ตัวเมียแต่ละตัวก็จะแยกกันอยู่เหมือนเป็นเพื่อนบ้านกัน
#7 Bagheera kiplingi (แมงมุมแบกีรา)
แมงมุมตัวนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของเสือดำในเรื่อง The jungle book เพราะความเร็วที่เหมือนกับเสือดำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของแมงมุมกระโดดอยู่แล้ว แต่ว่าแมงมุมกระโดดโดยปกตินั้นจะเป็นแมงมุมกินเนื้อ แต่เจ้าแบกีรานั้นแทบจะเป็นมังสวิรัติ มันกินหน่อของต้ยAcacia และน้ำหวานจากเกสรดอกไม้!!! ส่วนความเร็วของมันก็เอาไว้ใช้แค่หนีจากมดที่คอยป้องกันต้นAcaciaจากสัตว์อื่น ในบางครั้งแมงมุมตัวนี้จะกินตัวอ่อนมด และถ้าหิวชิบหาย มันจะกินพวกของมันเอง!! ที่แปลกอีกคือ ในThe jungle book มีตอนที่อาหารขาดแคลนมาก และเจ้าเสือดำแบกีรามันบอกว่าอยากจะกินพืชบ้าง!
6# Assassin spider (แมงมุมลอบสังหาร)
แมงมุมชนิดนี้สามารถหาพบได้ในมาดากัสการ์ และส่วนหนึ่งของแอฟริกากับออสเตรเลีย แมงมุมประหลาดตัวนี้มีคอที่ยาวมากซึ่งออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักของกรามที่ใหญ่ยักษ์ มันมักจะกินแมงมุมตัวอื่นเป็นอาหาร!! ใช้อำนาจในการข่มขู่เพื่อนแมงมุมกันเอง!! แต่ถึงแม้มันจะมีรูปร่างน่ากลัวและมีชื่อน่าสยองแต่มันก็ไม่มีอันตรายใดๆต่อมนุษย์สุดเมพอย่างพวกเราเลยสักนิด แต่มันเมพกว่าพวกเราตรงที่ มันอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์เชียว!!! นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมันถึงมีหน้าตาแบบที่เค้าฮิตกันในสมัยก่อน
5# Argyroneta aquatica (แมงมุมน้ำ)
แมงมุมน้ำเป็นแมงมุมสายพันธุ์เดียวบนโลกที่อาศัยอยู่ใต้น้ำได้ พบในยุโรปและเอเชีย ในบ่อน้ำหรือแม่น้ำที่ไหลช้าๆหรือตื้นๆ เนื่องจากมันหายใจในน้ำไม่ได้เหมือนปลา มันจึงสร้างที่เก็บอากาศเอาไว้ด้วยใยของมัน และเอาอากาศจากผิวน้ำมาใส่ด้วยขนตามขาและตัวของมัน เมื่อเติมอากาศจนเต็ม ใยของมันจะมีสีเงินวาว นั่นเป็นที่มาของชื่อมัน (Argyroneta แปลว่า ใยสีเงิน) แมงมุมน้ำใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องอากาศของมัน อาหารของมันคือสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังอะไรก็ได้ที่มันจับได้ และบางทีมันก็กินลูกอ๊อดกับปลาตัวเล็กๆด้วยเช่กนัน
4# Spiny Orb Weaver (แมงมุมหนาม)
แทนที่จะเป็นสายพันธุ์โดดๆเหมือนตัวอื่นในลิสต์ แมงมุมหนาม เป็นจีนัสที่มีสายพันธุ์ประมาณ70สายพันธุ์ และอีกมากที่รอการค้นพบ สามารถพบได้ทั่วโลกแต่ไม่มีอันตรายใดๆ ซึ่งขัดกับหน้าตาอันน่ากลัวของมันยิ่งนัก หนามและเขาบนตัวของมันดูเหมือนจะทำให้นกไม่สนใจที่จะกินมัน และแมงมุมพวกนี้มีนิสัยแปลกคือจะเติม “ธง” เอาไว้ที่ขอบใยของมันด้วย ธงพวกนี้จะช่วยให้นกมองเห็นได้ว่ามีใยอยู่ตรงนี้ และไม่ไปบินชนมันจนขาดกระจุย แมงมุมหนามสามารถพบได้ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่สวนใกล้ๆบ้าน ใครเคยเห็นก็มาเล่าสู่กันฟังด้วยละ!
3# Maratus volans (แมงมุมนกยูง)
อีกตัวที่มาจากออสเตรเลีย ชื่อของแมงมุมนกยูงมาจากสีสันสวยงามของ “ปีก” ที่ส่วนท้องของมัน เหมือนกับของนกยูงจริงๆ แถมตัวผู้ของมันยังใช้ไอ้ปีกนี่ยกขึ้นมาให้เป็นพัดสีสดใสเพื่อดึงดูดตัวเมียอีกด้วย!(นกยูงเองก็ทำแบบนี้)[ถึงแม้มันจะเป็นแมงมุมแต่สายพันธุ์นี้มีสายตาที่ดีมาก เหมือนแมงมุมกระโดดอีกหลายๆตัว] มันจะสั่นขาหลังและส่วนท้องเพื่อเพิ่มความดึงดูดด้วย แมงมุมนกยูงตัวผู้จะจีบตัวเมียทีละหลายๆตัวด้วย เจ้าชู้จริงจัง ก่อนหน้ามานี้ มนุษย์เชื่อว่าปีกของมันนั้นทำให้ตัวผู้สามารถร่อนกลางอากาศได้ และสามารถกระพือปีกได้ด้วย เพื่อเพิ่มระยะกระโดด เป็นที่มาของชื่อ (volans แปลว่า บิน) แต่ปัจจุบันเราทราแล้วว่าปีกของมันเอาไว้โชว์ตัวเมียเท่านั้น แต่ถึงจะรู้แบบนี้มันก็ยังเจ๋งอยู่ดีละว้า!!! เหมือนแมงมุมกระโดดอีกหลายๆตัว ด้วยละไล่นกไป
2# Myrmarachne plataleoides
ขออนุญาติไม่แปลชื่อ เพราะมันเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ แต่จะเรียกว่าแมงมุมมดแล้วกันนะ
แมงมุมตัวนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของ Batesian Mimicry คือการที่สัตว์ตัวหนึ่งปลอมตัวเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งเพื่อไล่ศัตรูของมันออกไป ในกรณีนี้ แมงมุมกระโดดชนิดหนึ่ง ปลอมตัวเป็น มดแดง ซึ่งกัดเจ็บมาก และจะฉีดสารอีกสองชนิดเข้าไปที่ทำให้เจ็บกว่าเก่าอีกด้วย มดแดงเป็นมดที่ดุร้าย และผลจากการกัดของมันอาจจะค้างข้ามคืนไปหลายวันเลยด้วย นก สัตว์เลื้อยคลาน และกบเขียดต่างๆก็หลีกเลี่ยงมดตัวนี้
แต่ในขณะเดียวกัน แมงมุมมดตัวนี้ไม่มีอันตรายและเป็นสัตว์ขี้อาย ยังไงก็ตาม มันก็เสแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง โดยทำตัวเหมือนมดแดงแถมยังเดินเหมือนกันเป๊ะอีกด้วย ช่วงหน้าของมันถูกทำให้เหมือนกับหัวของมด และยังมีจุดดำๆ2อันที่ทำให้เหมือนลูกตาของมดอีก ขาหน้าของมันเลียนแบบหนวดของมดและทำให้มันดูเหมือนกับว่ามีแค่6ขา อีกอย่างที่น่าสนใจคือ มันมีเฉพาะสถานที่ที่มีมดแดงเท่านั้น คือ อินเดีย จีน และเอเชียตะวันออกฉียงใต้ แต่มันไม่ใช่แมงมุมพันธุ์เดียวที่เลียนแบบมด มีอีกหลายสายพันธุ์ที่ปรากฏอยู่ทั่วโลก แต่ก็จะเลียนแบบมดดุๆของแต่ละที่ของมัน เหมือนกับพวกที่แต่งตัวตามดาราดังๆน่ะแหละ 55
1# Happy face spider (แมงมุมหน้ายิ้ม)
ไม่ใช่มุขนะ นี่สัตว์จริงๆเมพขิงของแท้ เป็นสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกบัแมงมุมแม่ม่ายดำ พบในป่าฝนของฮาวาย ดูเหมือนมันจะไม่มีอันตรายใดๆต่อมนุษย์เลยแม้แต่น้อย รูปร่างแปลกๆบนส่วนท้องของมันจะเป็นรูปหน้ายิ้ม แต่บางทีมันก็ไม่ได้ชัดเหมือนในรูปหรือเบี้ยวไปจนดูไม่ออกว่าเป็นหน้ายิ้ม แถมบางทีกลายเป็นหน้าบึ้งหรือหน้าว้ากเลยด้วยซ้ำ!!
ถึงมันจะไม่ได้เป็นสัตว์ตัวเดียวที่มีรูปหน้าอยู่บนตัวก็ตาม แต่มันก็มีชื่อเสียงพอสมควร(แล้วไหงตูไม่รู้จักฟระ!!) น่าเสียดาย มันเป็นแมงมุมที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เนื่องมาจากอาณาเขตและการลดลงของแหล่งที่อยู่อาศัยของมัน