10 ลัทธิเขย่าโลก ตอนที่2



6.The Ku Klux Klan (or KKK)
คู คลักซ์ แคลน หรือเรียกย่อๆ ว่าแคลน เป็นขบวนการต่อต้านคนผิวดำที่ทรงอำนาจในอเมริกามีจุดกำเนิดปี ค.ศ. 1865 หลังจากสงครามเหนือใต้ในอเมริกาซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเหนือ ทำให้ทาสคนผิวดำได้รับการปลดปล่อยและเกิดการยอมรับในสิทธิ์ประชาชนของคนผิวดำว่าเท่าเทียมกับคนผิวขาว แต่อดีตกองทหารฝ่ายใต้ซึ่งไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเพราะพวกเขาเชื่อว่า “คนผิวดำเป็นทาส คนผิวขาวคือนาย” ทำให้หลังสิ้นสุดสงคราม จึงได้รวมตัวกันแบบลับๆ เพื่อสร้างสังคมซึ่งให้สิทธิ์พิเศษแก่คนผิวขาวขึ้นมาและนี้คือจุดเริ่มต้นขององค์การเหยียดสีผิว คู คลักซ์ แคลน นี่เอง
 
คู คลักซ์ แคลน ในช่วงแรกยังไม่มีการก่อความรุนแรงอะไรมากมาย เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงการแสดงอำนาจให้คนผิวดำเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าเสียมากกว่า หากในไม่ช้า การเคลื่อนไหวของ คู คลักซ์ แคลน ก็ค่อยๆเพิ่มความรุนแรง โหดเหี้ยมขึ้น มีการรุมทำร้าย เผาบ้านและปล้นคนผิวสี ข่มขื่นสตรี พวกเขาใส่ชุดขาว(เหมือนที่เห็นในรูป)เดินสำรวจไปทั่วเมือง เมื่อพบคนผิวดำออกมาเดินนอกบ้านนอกเวลาที่พวกเขากำหนด ก็จะลากมาเฆี่ยน ทั้งยังทำร้ายคนผิวดำที่ใช้สิทธิ์ของตัวเองหรือแม้แต่คนผิวขาวด้วยกันที่แสดงการสนับสนุนคนผิวดำ ซึ่งในบางครั้งการทำร้ายนี้รุนแรงไปจนกลายเป็นการแขวนคอก็มี ลัทธินี้รุ่งเรืองสุดขีดในปี 1860 จนรัฐบาลพยายามที่จะปราบปรามเพราะมันผิดกฎหมาย ก่อนที่จะลัทธิหายไปอย่างช้าๆ จนสมาชิกแทบนับจำนวนถึงปัจจุบัน(แต่ก็ยังอยู่)
 
หนึ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับ KKK นั้นมีมากมายเรียกได้ว่าเดิมมาพร้อมกับประวัติศาสตร์ของอเมริกาเลยทีเดียว เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับลัทธินี้มากมาย เช่น สมคบคิดกับพวกนาซียุคใหม่ กี่ลอบสังหารเคนนาดี้ ลอบสังหารดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือการลอบสังหารบุคคลดังที่สนับสนุนคนดำหลายคน ปัจจุบันแม้ลัทธินี้จะหายไปแลเวก็ตาม แต่กระนั้นแนวคิดเหยียดสีผิวยังฝังลึกในชนผิวขาวบางคน และล่าสุดผู้นำลัทธินี้ได้ประกาศว่าจะลอบสังหารประธานาธิบดีอเมริกา ด้วย





7.NeoNazi
ลัทธินีโอนาซี เป็นลัทธิที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อแสวงหาการฟื้นฟู นาซีนิยม เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะพวกเขาเชื่อว่า “คนขาวที่เป็นเยอรมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุด” พวกนีโอนาซีมักจะโกนหัว ไว้ทรงผมสกินเฮด คล้ายพังค์ สักลายสวัสดิกะ หรือ สัญลักษณ์นาซีไว้ที่ตัว 
 
นโยบายของลัทธินีโอนาซีมีความแตกต่างกันไปจากลัทธินาซีเดิม แต่กระนั้นเนื้อหาโดยรวมยังเหมือนเดิม พวกเขาจะสวามิภักดิ์ต่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ,เหยียดเชื้อชาติต่างๆ,เหยียดสีผิว,เทิดทูนคนอารยันเยอรมัน,เหยียดเกย์ เยียดยิว สลาฟ อังกฤษ ฯลฯ โดยปัจจุบันสมาชิกลัทธินี้มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งส่วนมากเป็นยุโรป พบมากในแถวชายแดนระหว่างประเทศที่ติดกับเยอรมัน โดยเฉพาะในรัสเซียพบมากที่สุดใน กรุงมอสโก เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของบุคคลกลุ่มนี้ได้แก่ ยิว สลาฟ เอเชีย ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส นิโกร ลูกครึ่ง มักถูกทำร้ายจนตาย บางประเทศในยุโรปมีกฎหมายห้ามลัทธินาซี การเหยียดผิว และการเหยียดเชื้อชาติ 





8.Restoration of the 10 Commandments
หรือชื่อเต็มคือ Movement for the Restoration of the Ten Commandments of God แปลว่า การเคลื่อนไหวเพื่อการบูรณะบัญญัติสิบประการของพระเจ้า เป็นลัทธิที่แตกมาจากคริสตจักรโรมันคอทอลิค ก่อตั้งโดยนางซีเครโดเนีย มเวรินเดและนายโจเซฟ คิบเบเทียร์  ก่อตั้งในปลายทศวรรษ 1980 ในหมู่บ้านปาลา ยูกันดา โดยนางซีเคนโดเดนียเคยเป็นสาวบาร์มาก่อนเธอได้อ้างว่าเธอสามารถติดต่อพระนางพรหมจารีย์มารีย์ได้ ซึ่งเขาได้เข้าหานายโจเซฟซึ่งเป็นนักการเมืองว่าเขาได้ถูกรับเลือกในการเป็นศาสดา และนายโจเซฟก็เชื่อ ทั้งสองได้ก่อตั้งลัทธิหนึ่งเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง และมีอำนาจเหนือชาวบ้านทั้งๆ ที่ชาวบ้านมีสภาพความเป็นอยู่ที่แล้งแค้น โดยเป้าหมายของลัทธินี้คือการเคลื่อนไหวเพื่อการบูรณะบัญญัติสิบประหารของพระเจ้าคือการปฏิบัติตามบัญญัติสิบประการและทั้งสองออกกฎแปลกๆ เช่น อย่าพูดสื่อสารกันให้ใช้ภาษามือ และให้กินอาหารหนึ่งมื้อในวันศุกร์และจันทร์ พวกเขาได้อ้างว่าพระแม่บอกว่าโลกจะแตกในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2000 แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองเลยเฉไฉไปว่า พระเจ้ายังไม่ทรงต้องการทำลายโลก แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มีนาคม ปีเดียวกัน และตามบทบัญญัติแห่งลัทธิบอกว่ามนุษย์ควรกำจัดตนเองให้สูญสิ้นจากโลกก่อนที่โลกนี้จะถึงจุดพินาศย่อยยับในปี 2000 ส่งผลทำให้ชาวยูกันดาหลายพันคนฆ่าตัวตายประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเด็กที่ถูกฆ่าด้วยยาพิษ กากไม่ตายก็จะถูกทุบหัวด้วยกระบองหรือแทงด้วยมีด ซึ่งกลางปี 1999 มีการสังหารหมู่หลายครั้งหลายคราวในในหมู่บ้านคานังกู ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ซีเครโดเนีย
 
และเมื่อถึงในที่ 17  มีนาคม  2000 นางซีเครโดเนียได้นัดหมายสาวกของเธอให้ไปรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงนาในปาลา สมาชิกกว่า 600 คนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้หญิงและเด็กได้เข้าพิธีสวดมนต์ทั้งคืนและรับประทานอาหารมือสุดท้ายคือข้าวโอ๊ตผสมนมและน้ำตาล โดยคำสั่งสุดท้ายของเจ้าลัทธิคือให้การเผาโบสถ์โดยทำการประตูหน้าต่างปิดมิดชิดไม่ให้สาวกหนีออกมาได้ ส่งผลทำให้มีศพผู้เสียชีวิตที่เป็นตอตะโกจำนวน 513 ศพรวมทั้งศาสดาคิบเวเทียร์(ความจริงไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นศพของเขาหรือเปล่า แต่กระนั้นก็ไม่พบร่องรอยว่าเขามีชีวิตอยู่ หากมีเขาคงฆ่าตัวตายไปแล้ว) นอกจากนี้ยังมีการพบศพจำนวน 265 ศพถูกฝังไว้ใต้ดินในที่ดินที่นายคิบเวเทียร์ครอบครองอยู่แต่ละศพมีร่องรอยการถูกแทงไม่ก็ถูกวางยาพิษรวมอยู่ด้วย ส่วนแม่ซีเครโดเนียถูกจับในเดือนเมษายน 2000
 





9.Jeffrey Lundgren เจฟฟรีย์ ลุนด์เกรน(เกิด 3 พฤษภาคม 1950) เป็นเจ้าลัทธิ ที่เขาก่อตั้งในปี 1984 ในบ้านพักบนถนน ชิลลิโคเท โอไฮโอ โดยใช้หลักคำสอนผิดๆ โดยเขาประกาศว่าเขาได้ยินเสียงพระเจ้าให้เขาเผยแพร่ "คำพยากรณ์สุดท้ายแห่งพระเจ้า"  นำสาวกไปต้อนรับการเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ของพระคริสต์เจ้า (โดยเขาย้ายที่อยู่ไปเรื่อย)มีหลายคนเชื่อเขาและขอเป็นสาวก ซึ่งเขาขอเงินจากผู้สนับสนุนหลายคนยินดีออนเงินจนได้หลายพันดอลลาร์ และเขาก็มีหลายคดีในการฆาตกรรรมสังหารล้างครัวเดนนิส อาเวรี หนึ่งในสาวกของเขาเองที่ไม่สนับสนุนและขัดขวางเขาโดยเขาและสาวกได้ใช้อาวุธปืนยิงเดนนิสกับภรรยาและลูกสาวของเขารวม 5ศพอย่างโหดเหี้ยม สุดท้ายเขาเสียชีวิตเมื่อ 24 ตุลาคม 2006 จากการถูกพิพากษาประหารชีวิต




10.Vampire Clan
เรื่องราวการดูดเลือด(คน) นั้นยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนหลายคนที่เชื่อว่าเลือดคนนั้นเป็นสารอาหารที่มีสรรพคุณมากมาย มีหลายลัทธิที่มีพิธีกรรมดื่มเลือด(คน)มากมาย หนึ่งในนั้นคือลัทธิ “ตระกูลผีดูดเลือด” ซึ่งเป็นลัทธิที่ก่อตั้งโดยร็อด เฟอร์เรล(เกิด 28 มีนาคม 1980) ที่ได้รับสมาชิกส่วนใหญ่ที่เป็นวัยรุ่นตั้งเป็นลัทธิในปี 1998 โดยมีเขาเป็นศาสดาทั้งๆ ที่เขาอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยลัทธินี้มีพิธีกรรมคือการเจาะเลือดของคนในลัทธิมาแลกกันดื่มและแลกคู่กันเสพสม 
 
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 1996(สัปดาห์ของวันขอบคุณพระเจ้า มีการพบศพ นโมม่า รูธ และริชาร์ด วอลดอร์ฟ(Naoma Ruth and Richard Wendorf) นอนตายในบ้านเนื่องจากถูกตีตายด้วยชะแลงซึ่งจากสอบสวนพบว่าทั้งสองเป็นพ่อแม่ของหนึ่งในสาวกของร็อด หากแต่ร็อดและสาวกไหวตัวทันเลยหลบหนีได้ แต่ก็ไปไม่รอดก่อนถูกจับได้ในเวลาต่อมา และสุดท้ายเขาถูกจับคุกและถูกพิพากษาโทษประหารซึ่งถือได้ว่าเขาเป็นนักโทษประหารที่อายุน้อยที่สุด แต่สุดท้ายเขาก็ถูกลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บนแทน กระนั้นเขายังไม่สำนึกผิดซ้ำยังประกาศตนแก่ประชาชนด้วยว่าเขาเป็นแวมไพร่อายุ 500 ปี ชื่อ"เวกัสโซ" และเรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ Vampire Clan(2002)และเพลงมากมาย

Credit: http://variety.teenee.com/world/68785.html
22 พ.ค. 58 เวลา 13:08 3,705 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...