เรียบเรียงโดย Clipmass.com
โดยเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อชาวเอสกิโมต้องไปเป็นส่วนหนึ่งในสวนสัตว์ที่ประเทศเยอรมัน...
โดยในปี 1880 มีชายชาวเอสกิโม (Inuit) คนหนึ่งชื่อว่า Abraham Ulrikab ได้รับข้อเสนอที่จะเข้าไปอยู่ในสวนสัตว์ในประเทศเยอรมนี โดยเขาหวังว่าเขาจะได้รับค่าตอบแทน และได้มีโอกาสเห็นเมืองยุโรปอย่างใกล้ชิดนั่นเอง
ซึ่งเริ่มแรกนั้น Adrian Jacobsen ได้ชักชวนให้ Abraham Ulrikab และครอบครัวของเขามาร่วมเป็ส่วนหนึ่งในการแสดงของสวนสัตว์กลางเมือง Berlin
ซึ่งเขา เมีย และลูกสาว 2 คนของเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ขึ้นเรือไปกับคณะเดินทาง พร้อมทั้งครอบครัวชาวเอสกิโมคนอื่นๆ เพื่อเดินทางไปยังเยอรมนี แต่ยังไม่ถึงเยอรมนีก็เริ่มมีคนตายมากขึ้น
เนื่องจากเกิดโรคไข้ทรพิษ และฝีดาษระบาดขึ้น ซึ่งเป็นความบกพร่องของผู้จัดการแสดงที่ดันลืมฉีดวัคซีนป้องกันให้กับครอบครัวชาวเอสกิโมก่อนที่จะเดินทางมา ดังนั้นเมื่อถึงปารีสในปี 1881 ก็มีชาวเอสกิโมหลายคนเสียชีวิตกันมาก และภรรยาของ Abraham Ulrikab ก็เป็นคนสุดท้ายที่ได้เสียชีวิตลง
และถึงแม้ว่าเขาจะถูกจัดแสดงเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆ แต่เขากลับมีความสามารถเก่งกาจกว่าคนทั่วไปเสียอีก เพราะเขาสามารถอ่านออกเขียนได้ รวมทั้งเล่นไวโอลินได้เก่งมาก และในระหว่างการเดินทางเขาก็ได้บันทึกเรื่องราวของเขาไว้หมดตลอดการเดินทาง จากนั้นก็ส่งบันทึกของเขากลับไปยังบ้านเกิด แต่น่าเสียดายที่ศพของเขาและครอบครัวสูญหาย
แต่เมื่อในปี 2014 มีการพบศพของ Abraham Ulrikab ที่พิพิธภัณฑ์ French Natural History Museum ในประเทศฝรั่งเศส และในที่สุดศพของเขาก็ถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดด้วยความร่วมมือของรัฐบาลแคนาดาและฝรั่งเศสนั่นเอง...
เป็นเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจมากเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าด้วยความที่เขาเป็นคนแปลกถิ่น แปลกวัฒนธรรม จึงต้องถูกจัดแสดงเหมือนกับสัตว์ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนที่มีคุณค่าความเป็นคนไม่แตกต่างไปจากคนอื่น ต่างกันเพียงแค่วัฒนธรรม และที่อยู่อาศัยเท่านั้นเอง
ข้อมูลและภาพประกอบจาก