เท็กซี่มอมยา

เตือนใช้บริการแท็กซี่สุวรรณภูมิ แฉวิธีการคนขับแอบป้ายยาในมือป้องช่องแอร์พุ่งเข้าผู้โดยสารตรงๆ

รายงานข่าวจากผู้ใช้บริการแท็กซี่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ เผยว่า  27 ส.ค. เวลา 15.oo น. ตนเรียกใช้บริการแท็กซี่ของสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 50 บาทเหมือนทุกครั้ง เนื่องจากเห็นว่า ปลอดภัย เพราะมีชื่อ เบอร์โทรศัพท์ของคนขับ

ซึ่งตนได้เรียกไปส่งที่ถนนเพลินจิต ระหว่างทางคนขับรถซึ่งใส่แว่นดำ ขับรถค่อนข้างช้า ทั้งที่ขับอยู่บนโทลเวล์ ซึ่งโล่งมาก และจู่ๆคนขับก็ได้นำมือข้างซ้าย มาป้องที่แอร์ด้านหน้ารถ จากนั้นประมาณ 5 นาที ตนก็รู้สึกแขนขาชา มึนหัว โดยไม่ทราบสาเหตุ อาการคล้ายตอนที่ตนถูกวางยาสลบ ก่อนผ่าตัด แต่ไม่รุนแรงเท่า

ข่าวระบุว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นั้นมาก เพราะตนก็ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร แต่ก็พยายามได้ตั้งสติ ย้ายฝั่งมานั่งข้างเดียวกับคนขับ ซึ่งก็รู้สึกดีขึ้น จากนั้นก็ได้โทรศัพท์หาเพื่อนสนิท ซึ่งเพื่อนสนิทก็ได้แนะนำให้เปิดกระจกทันที และให้ลงสถานที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งตนก็ได้โวยวายกับคนขับรถบอกว่า ไม่สบายให้กระจกทั้งคัน

โดยขณะนั้นตนเห็นป้ายถนนศรีนครินทร์อยู่ข้างหน้า จึงได้บอกให้แท็กซี่ไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในละแวกนั้น ซึ่งแท็กซี่ก็ยอมปฏิบัติตาม เมื่อถึงโรงพยาบาล ตนรีบเข้าไปห้องน้ำล้างหน้า และนั่งพักอยู่ครึ่งชั่วโมง จึงได้เข้าตรวจ ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลระบุว่า หากได้ปริมาณสารพิษน้อย ไม่ต้องตรวจ เพราะจะไม่เจออะไร ตนจึงตรวจร่างกายปกติแทน

หลังจากนั้น ตนก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งเหตุตามเบอร์ 02- 1329199 ตามใบเสร็จที่เจ้าหน้าที่มอบให้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีทั้งชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ขับขี่ ทางเจ้าหน้าที่ก็รับปากว่า จะตรวจสอบดูให้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมา

ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก หากวันนั้นตนไม่มีสติ รีบเปิดหน้าต่าง ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการมอมยาจริง ทำไมคนขับแท็กซี่ถึงไม่โดนยาด้วย ทั้งที่อยู่บนรถเดียวกัน ตนเชื่อว่า เป็นเพราะแท็กซี่เอามือซ้ายป้องไว้ เพื่อให้ลมแอร์พุ่งมาที่ตน ซึ่งนั่งข้างซ้ายเต็มๆ เพราะเมื่อตนย้ายไปนั่งข้างขวา ฝั่งเดียวกับคนขับตนก็หายใจสะดวกขึ้น

นอกจากกรณีของผู้โดยสารคนดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ได้มีอีเมลส่งต่อๆ กันเป็นทอด  แจ้งเตือนการใช้บริการแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ คล้ายคลึงกับผู้โดยสารคนดังกล่าว โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า สนามบินสุวรรณภูมิ อันตราย “ รบกวนช่วยส่งต่อเพื่อไม่ให้คนใกล้ตัวคุณ

โดยสแกนใบเสร็จ ซึ่งมีทั้งชื่อขับรถ และเบอร์โทรศัพท์ด้วย ซึ่งเนื้อหาในอีเมลระบุว่า   ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริงเพราะคิดเสมอว่าคนขับคง ต้องถูกมอมด้วยยาที่ตนเองใช้ด้วยเนื่องจากนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันแต่แล้วผม ก็ต้องเชื่อเมื่อเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับญาติผู้น้องของผมเอง

เมื่อเธอนั่งรถแท็กซี่ กลับจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยผ่านการเรียกของศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 23.00น. ของวันที่ 20 ก.ค.52  ความจริงเราทุกคนเชื่อว่ารถแท็กซี่ที่เรียกอย่างถูกต้องมีการลงประวัติเรียบ ร้อยโดยเจ้าหน้าที่ของทอท.ไม่น่าจะกล้าประสงค์ร้ายกับผู้โดยสาร

“ทั้งนี้ญาติผู้น้องของผม แจ้งให้ไปส่งที่อพาร์ทเมนท์ ใกล้มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 โดยนั่งอยู่ด้านหลัง เธอเล่าว่า สังเกตเห็นคนขับแท็กซี่ใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัยส่วนมืออีกข้างล้วงเอา สิ่งของในกระเป๋าเสื้อเป็นเวลานานพอควร หลังจากนั้นได้นำมือข้างที่ล้วงกระเป๋าเสื้อมาบังช่องลมของแอร์ และเปิดเร่งแอร์ให้ลมพุ่งมายังคนนั่งด้านหลัง

เพื่อให้สารระเหยส่งผลต่อผู้โดยสารโดยเร็วโชคของญาติผมยังดีที่ได้เคยอ่าน เรื่องราวคล้ายคลึงกันนี้จากทางอินเตอร์เน็ต ทำให้ฉุกคิดและเอาผ้ามาปิดจมูกพร้อมทั้งพยายามหายใจเพียงเล็กน้อย โดยคนขับพยายามชวนญาติผมคุย และมือยังคงบังที่ช่องลมโดยตลอด ซึ่งญาติผมพยายามไม่พูดคุยเพื่อไม่ให้สูดอากาศเข้าไปมาก

แต่ในที่สุดก็รู้สึกมึนงงจึงบอกให้แท็กซี่รายนี้จอดรถที่ 7-11 โดยอ้างว่า เธอเกิดอาการมึนแท็กซี่รายนี้ยังถามกลับว่ามึนมากหรือไม่ และไม่ยอมจอดรถตามที่ผู้โดยสารแจ้ง โดยอ้างว่าอีกไม่นานจะถึงจุดที่ระบุไว้ แต่ญาติผมรู้สึกตัวว่าสติค่อยๆ ลดลงจึงขู่ว่าหากแท็กซี่รายนี้ไม่จอดจะอาเจียนใส่รถ

สุดท้ายจึงยอมจอดรถที่หน้า 7-11 แต่แสดงอาการไม่พอใจและพูดจาไม่สุภาพกับเธอ จากนั้นเธอจึงหาซื้อน้ำมาดื่ม เพื่อให้สติฟื้นกลับมาโดยเร็ว แต่เมื่อมองออกนอกร้านก็พบว่านายองอาจยังคงจอดรถรออยู่หน้าร้านทำให้เธอกลัว จนต้องรออยู่ภายในร้าน และใช้เวลาอีกประมาณ 15 -20 นาที นายองอาจจึงขับรถออกไป

อย่างไรก็ตามต่อมาได้แจ้งเจ้าหนี้ที่ของศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่โทรไปแจ้งเรื่อง ได้รับคำตอบว่าต้องทำจดหมายร้องเรียนพร้อมแนบตั๋ว เหมือนกับที่แนบมากับเมลล์นี้ ทางศูนย์จึงจะดำเนินการกับคนขับรถแท็กซี่ได้

และหากอยู่ใกล้โรงพยาบาลต้องให้ทางโรงพยาบาลทำการตรวจสารพิษในร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องตำรวจ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าจะตรวจหาสารพิษเจอหรือไม่หากทำตามคำแนะนำ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าคนขับรถรายนี้มีสติดีอยู่ตลอดเวลาที่พยายามมอมยาญาติ ผม”

นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาและปราบปรามรถผิดกฎหมายในสนามบิน สุวรรณภูมิ กล่าวว่า ตนจะให้เจ้าหน้าที่ เรียกผู้ขับขี่ ตามใบเสร็จมาตรวจสอบว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เพราะที่ผ่านมาก็มีการแกล้งกันโดยกล่าวหาลอยๆ แต่หากเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ต้องถือว่า เป็นเรื่องที่อันตราย และเสียภาพลักษณ์มาก เนื่องจากแท็กซี่ ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ถือว่า มีความปลอดภัย เพราะสามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งชื่อคนขับ

และเบอร์โทรศัพท์ได้ ซึ่งหากเกิดเหตุต่างๆ บนแท็กซี่ ให้แจ้ง 1584 สายด่วนกรมการขนส่งทางบกได้ทันทีและขณะนี้นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ดบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ก็ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อมาปราบแท็กซี่เถื่อน ไกด์ผี เชื่อว่า ปัญหาต่างๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิจะหมดไปในเร็วๆ นี้

 

(ทุกวันนี้ จะใช้ชีวิตให้รอดพ้นไปใน แต่ละวินาที ต้องเสี่ยงกับอันตรายรอบด้าน ทั้งการบริโภคต่างๆ อาหาร สื่อ พิษภัยที่ได้รับ เข้ามา สะสม อยู่ในร่างกาย และจิตใจ....ลูกหลานเรา ต่อๆไป จะใช้ชีวิตกันยังไงนะ )<<< ผู้โพส

 

 

15 ส.ค. 52 เวลา 11:49 3,837 10 160
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...