5 บุคคลเปลื่ยนโลกถึงแม้จะถูกขังอยุ่ในคุก!!!

ขึ้นชื่อว่า “คุก” คงไม่มีใครอยากทำผิดแล้วต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นแน่ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่า 5 คนที่ทีนเอ็มไทยกำลังพูดถึงอยู่นี้ เขาทำผิดกฏหมายและต้องเข้าไปจำคุกอยู่นาน ทั้ง 5 คนนี้กลับฉายความคิด ไอเดีย และความสามารถออกมา ทั้งๆที่อยู่ในที่ที่น่าหดหู่เช่นนั้น แล้วพวกเขาสร้างอะไรหล่ะ? อย่ารอช้า ตามมาดูกันเลยดีกว่า >,< 5 บุคคลเปลี่ยนโลกถึงแม้จะถูกขังอยู่ในคุก!

5 บุคคลเปลี่ยนโลกถึงแม้จะถูกขังอยู่ในคุก!

เดวิด มาร์แชลล์ วิลเลียมส์ (David Marshall Williams)

1. เดวิด มาร์แชลล์ วิลเลียมส์ (David Marshall Williams)

เดวิด มาร์แชลล์ วิลเลียมส์ เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1900 บิดาเป็นผู้มีอาชีพทำฟาร์ม เป็นผู้มีฐานะดีผู้หนึ่งในแคโรไรน่า พ่อเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ทำถ่านเลยสักนิด เขาไม่ชอบโรงเรียน ชอบหนีเรียน แถมชอบเที่ยวเตร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาชำนาญคือเขาประกอบปืนเป็น!! แถมยังประดิษฐ์ปืนด้วยตนเองเสียด้วย

พอเดวิดโตขึ้น เขาก็ทำธุรกิจผลิตสุราเถื่อน ตอนแรกมันถูกกฎหมายแต่พอรัฐบาลห้ามเขาก็เลิกไม่ได้ซะแล้ว จนกระทั้งวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1920 นายอำเภอท้องถิ่น พร้อมทั้งข้าราชการพากันไปล้อมโรงต้มกลั่นของเดวิดเพื่อจะจับตัวเขาและพรรคพวกในฐานฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เดวิดและพรรคพวกต้องต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ผลคือเขาทำให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตาย เขาเลยหลบหนี แต่ในที่สุดเขาก็มอบตัวและสู้คดีผลคือเขาต้องใช้ชีวิตในเรือนจำ 30 ปี

และนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโลกเพราะในคุกนั้นเขาได้สิทธิพิเศษบางอย่างที่ไม่ใช้ขอกินพุดดิ้งหรือขอดูแมนยูแตะกับเซสซี หากแต่ เขามีสิทธิพิเศษในการประกอบปืนและออกแบบปืนได้ตามใจปรารถนา โดยเขาได้คิดค้นปืนระบบแก๊ส-ลูกสูบ เนื่องจากเขาเห็นว่าปืนของเจ้าหน้าที่ที่ใช้อยู่นั้นไม่เหมาะในการยิงนักโทษ(ในกรณีที่นักโทษก่อความรุนแรง) เขาเป็นคนออกแบบปืนทั้งๆ ที่อยู่ในคุก โดยปืนที่เขาคิดค้นนั้นเป็นประโยชน์ต่อวงการหลายๆอย่าง เช่นทำให้ปืนยิงเร็ว มีอนุภาพร้ายแรงขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักของปืน จนทุกวันนี้ปืนระบบแก๊ส 99.9% ใช้หลักการของ วิลเลียมส์ทั้งสิ้น อีกทั้งทำให้สงครามปืนทันสมัย เวลาเล่นเกม Call of Duty ก็ไม่น่าเบื่อสำหรับคุณอีกต่อไป

4. วิลเลียม แอดดิส (William Addis)

เพื่อนๆ คงไม่เชื่อว่าเรือนจำที่แสนสกปรกที่เต็มนั้นจะเป็นที่กำเนิดอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่าง “แปลงสีฟัน” ได้ และเจ้าสิ่งนี้เองที่ทำให้มันติดในอันดับของใช้ที่โลกขาดไม่ได้ในบัดดล

ที่จริงสมัยก่อนก็มีหลายคนใช้ยาสีฟัน เช่น กิ่งไม้, ขนนก, กระดูกสัตว์, ขนเม่น จนกระทั้งมีนักประดิษฐ์คิดค้นแปรงสีฟันคนแรกก็คือ วิลเลียม แอดดิส ชาวเมืองเคิร์กเคนวอลล์ ซึ่งเกิดทำผิดมีอันต้องเข้าไปนอนในคุกข้อหาใช้ความรุนแรง ในปี 1770

ตอนนั้นผู้คนทั้งในและนอกคุกใช้วิธีแปรงฟันโดยใช้เกลือหรือเขม่ามาใส่ในเศษผ้า นำมาถู ๆ ที่ฟัน รวมถึงนายแอดดิสด้วย เขาทำแบบนี้หลายปีจนเขามีความคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้ามีอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำความสะอาดฟันดีกว่านี้ โดยเขาได้ใช้ กระดูก จากนั้นก็นำมาเจาะเป็นรูเล็ก ๆ แล้วก็ขอขนแปรงจากผู้คุมมายัดลงไปในรูแล้วติดกาว แล้วตัดขนแปรงให้พอเหมาะ ได้แล้วแปรงสีฟันอันแรกของโลก และเมื่อแอดดิสออกจากคุก เขาก็เริ่มกิจการประดิษฐ์แปรงสีฟันเพื่อจำหน่ายอย่างที่หวังไว้ และก็มีขายมาจนทุกวันนี้ (เขาตายในปี 1840) ซึ่งรูปแบบและสีสันก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงและคิดค้นอีกภายหลัง 

เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ (Jesse Hawley)

3. เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ (Jesse Hawley)

เจสซี่ ฮอว์ลี่ย์ เป็นพ่อค้าแป้งในกรุงเจนีวา นิวยอร์ค เขาถูกจำคุกในปี 1807 เนื่องจากเขามีปัญหาการขนส่งจนเป็นหนี้ ต้องติดคุก 20 เดือน จุดเริ่มต้นเเกิดขึ้นในระหว่างอยู่ในคุกเขาได้เขียนเรียงความเรื่องหนึ่งชื่อ “Hercules” ออกเผยแพร่ว่าน่าจะขุดคลองอีรีห์ (Erie Canal) จากแม่น้ำฮัดสันเพื่อแก้ปัญหาขนส่ง ผลงานของเขานั้นกลายเป็นผลงานที่โดดเด่นจนทำให้ผู้เกี่ยวข้องมีความคิดจะขุดคลองให้มันเป็นจริง และเรียงความของเขาได้รับการพิสูจน์ว่ามีอิทธิพลในการพัฒนาคลองอย่างแท้จริง ซึ่งคลองอีรีห์นั้นทำให้อเมริกาเจริญจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

คลองอีรีห์ (Erie Canal)

เพราะคลองอีรีห์เป็นคลองที่ถูกขุดในนิวยอร์คยาว 363 ไมล์ (584 กม.) จากอัลบานี นิวยอร์ค ในแมนฮัดสัน ไปยัง บัฟฟาโล นิวยอร์ค เริ่มขุด1817-1825 (เปิดอย่างเป็นทางการ 26 ตุลาคม 1825) มีส่วนความสำคัญมากต่อศูนย์กลางการค้าขายในทวีปอเมริกาเหนือ สมัยก่อนนั้นอเมริกาต้องใช้การขนส่งโดยใช้เกวียนเป็นหลัก หากแต่หลังจากมีการสร้างคลองทำให้มีการขนส่งด้วยเรือเพิ่มขึ้นมา และคลองนี้ เป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ที่สามารถขนส่งสินค้าออกไปยังแอตแลนติกได้ ซึ่งมีผลทำให้รัฐนิวยอร์คและเมืองนิวยอร์คกลายเป็นเมืองที่และศูนย์กลางค้าขายของอเมริกาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังตัวจุดชนวนกระแสการลงทุนในเรื่องการขนส่งและการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐอเมริกา

โรเบิร์ต แฟรงคลิน (Franklin Robert Stroud)

2. โรเบิร์ต แฟรงคลิน (Franklin Robert Stroud)

โรเบิร์ต แฟรงคลิน(28 มกราคม 1890-21 พฤศจิกายน 1963) ก่อนที่จะนักโทษนั้น เขายังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนแถววอชิงตัน อเมริกาที่หลงรักหญิงคาบาเร่ต์คนหนึ่ง ที่จริงทั้งสองน่าจะมีชีวิตมีความสุขตลอดกาล หากแต่น่าเศร้า เมื่อต่อมาเขาทำร้ายร่างกายแฟนตัวเองอย่างรุนแรง ทำให้เขาถูกพิพากษาจำคุก 12 ปี ฐานฆาตกรรม และถูกขังในคุกอัลคาทราซด้วย

Burt Lancaster นักแสดงรับบทเป็น Robert Stroud : ภาพยนตร์ Birdman of Alcatraz ในปี 1962

ดูๆ ไปชีวิตของเขาก็เหมือนนักโทษธรรมดา หากแต่แปลกหน่อยตรงที่ ระหว่างที่เขาถูกจำคุกอยู่ เขาได้พบรักใหม่ นั้นก็คือ “นก” เขาเริ่มรักนก รักถึงขนาดนำเลี้ยงนกในห้องขัง ซึ่งตามกฎเรือนจำไม่ให้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ (จนเป็นเหตุย้ายไปขังในคุกอัลคาทราซ) แต่กระนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกโดยบริยาย และได้เขียนหนังสือ iseases of Canaries และ Stroud’s Digest on the Diseases of Birds เกี่ยวกับพยาธิและโรคในนก ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาวงการสัตวแพทย์ เกี่ยวกับพยาธิวิทยา ทั้งๆ ที่แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นคนบ้า แต่กระนั้นเขามีไอคิวถึง 134 และนอกจากนี้เรื่องราวของเขายังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Birdman of Alcatraz ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจภาพยนตร์แนวคนคุกจนถึงปัจจุบัน

1. มีเกล เด เซร์บันเตส (Miguel de Cervantes Saavedra)

มีเกล เด เซร์บันเตส เป็นในตระกูลชนชั้นกลางในปี ค.ศ. 1547-1616 ที่เมืองอัลกาลาเดเอนาเรส ประเทศสเปน เขาไม่เคยเรียนระดับมหาวิทยาลัย เขาเป็นทหารและบาดเจ็บจนมือซ้ายของเขาพิการ แถมยังถูกเคยโจรสลัดจับในประเทศแอลจีเรียอีก เขาถูกขังตั้งแต่ปี 1575 จนกระทั่งกองโจรได้รับค่าไถ่ตัวและปล่อยเขาเป็นอิสระในปี ค.ศ. 1580 แต่ชีวิตของเขาก็ติดคุกอีก เมื่อปี 1597 ในข้อหาปัญหาหนี้สิน ระหว่างที่เขาถูกขังในคุกเขาได้แต่งนิยายเรื่องดอนกิโฆเต้ขึ้น(และตีพิมพ์ส่วนแรกของเรื่องเมื่อปี ค.ศ. 1605) 

ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน (El ingenioso hidalgo don Quixote de la Mancha) เป็นนิยายที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เป็นนิยายเสียดสีล้อเลียนนิยายอัศวิน เนื้อเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้ กล่าวถึงขุนนางต่ำศักดิ์ผู้สูงอายุ และไร้เรี่ยวแรงคนหนึ่งแห่งแคว้นลามันช่า ซึ่งคลั่งไคล้นิยายอัศวินมาก ถึงกับขายที่ดินจำนวนมากเพื่อหาซื้อนิยายอัศวิน ในที่สุดก็คิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างในนิยายเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง จึงปรารถนาที่จะเป็นยอดอัศวินดังที่ปรากฏในหนังสือเหล่านั้น

เขาสร้างเกราะและหมวกจากกระดาษแข็ง นำม้าผอมโซตัวหนึ่งมาตั้งชื่อว่าโรสินันเต้ จากนั้นจึงตั้งชื่อของตนใหม่ว่า ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า และแต่งตั้งชาวนาเป็นอัศวินสำรอง “ซานโช่ ปันซ่า” ทั้งสองคนร่วมผจญภัยโดยต่อสู้กับศัตรูร้ายในความคิดของดอนกิโฆเต้ เช่น กังหันลมซึ่งดอนกิโฆเต้เข้าใจว่าเป็นยักษ์
แม้นิยายเรื่องนี้จะมีอายุ 400 ปีแล้วก็ตาม หากแต่หนังสือนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นนิยายดีที่สุดที่โลกนี้เคยมีมา บ้างกล่าวว่า

ดอนกิโฆเต้ คือนิยายเรื่องแรกของโลก เป็นหนังสือที่แปลเป็นภาษาอื่น มากที่สุดในโลก รองจากไบเบิ้ล ดอนกิโฆเต้ฯ ได้ชื่อว่าเป็นไบเบิ้ลแห่งมนุษยชาติ และเนื้อหาคงอ่านง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนหนังสือโบราณเรื่องอื่นๆ

ขอบคุณที่มา kon-mee-klass.blogspot.com, http://www.cracked.com/article_18422_5-people-who-changed-world-from-inside-prison.html, th.wikipedia.org

 

Credit: เอ็มไทยวาไรตี้
#คุก
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
13 พ.ค. 58 เวลา 15:36 44,412 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...