Dragons (ดรากอน - มังกร)
...ตัวนี้น่าจะรู้จักกันดียิ่งกว่าห้าตัวแรก คำอ่าน ดรากอน นั้นผมหมายถึงสำเนียงคนไทยนะครับ (ถ้าให้อ่านตามจริง จะประมาณ ดรา-เกิน หรือ แดร-เกิน) มังกรพบเจอได้บ่อย ๆ ในเทพนิยายและตำนานต่าง ๆ สำหรับตำนานของชาวบาบิลอน (Babylonian Myth) ‘Tiamat (เทียแมท)’ เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้กับพระเจ้า Marduk และในนิทานของอังกฤษ นักบุญจอร์จได้ฆ่ามังกรเพื่อปกป้องสาวพรหมจรรย์
....มังกรเป็นสัตว์ที่เกิดในตำนานของเกือบทุกชาติในโลก ในตำนานยุโรปมังกรเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่ต้อง ปราบ วีรบุรุษในตำนานหรืออัศวินมีหน้าที่อย่างหนึ่งคือปราบมังกร ในขณะที่เอเชียมองมังกรในเชิงเคารพและบูชา เป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความอุดมสมบูรณ์มังกรมาจากภาษาลาตินว่า Draco
... ตำนานฝรั่งกล่าวว่า มังกรเป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในจักรวาล โดยในตอนที่จักรวาลเริ่มต้นใหม่ๆทุกอย่างอยู่ในภาวะเป็นน้ำที่ขุ่นขึ้น สรรพสิ่งทั้งมวลยังไม่แสดงตัวตนออกมา และก่อนที่โลกจะก่อตัวก็มีวิญญาณดวงหนึ่งกำเนิดขึ้นท่ามกลางสภาวะอันยุ่ง เหยิง ดวงวิญญาณนี้ลุกเป็นไฟหมุนตัวไปท่ามกลางอวกาศด้วยความหิวโหยและกระหายในความ ใคร่ เมื่อจักรวาลยังว่างเปล่า มันไม่พบสิ่งใดนอกจากเงาสท้อนของตัวเอง ด้วยความหิวมันจึงไล่งับหางและกลืนกินตัวเอง พร้อมทั้งผสมพันธุ์ไปด้วย ด้วยเหตุนี้มังกรตัวแรกก็กลายเป็นสองตัวจากนั้นก็ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จนมังกรเต็มห้วงนภากาศไปหมด จากนั้นมันกลายเป็นสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย
Golem (โกเลม)
....โกเลม (Golem) ตามตำนานของชาวยิว เป็นยักษ์ สูง 2-30 เมตร (มีทุกขนาด) ส่วนมากจะทำงานเป็นผู้เฝ้าประตูต่างๆ ที่สำคัญ (คงพอนึกถึงยักษ์ที่คอยทำงานให้ทัพของซารูแมน) ร่างจะเป็นหินรูปร่างใหญ่โตเดินช้าส่วนมากจะอยู่ในทะเลทราย
ว่ากันว่าพระชาวยิวในเมืองปราก (Prague) เมืองหลวงของเชโกสโลวะเกีย เป็นคนสร้างโกเลมขึ้น ในตอนนั้นชาวยิวที่อาศัยอยู่ในสลัมของปรากกำลังถูกข่มเหง โกเลมจึงเกิดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง (Protection) โกเลมถูกสร้างขึ้นจากดินเหนียว และจะมีชีวิตเมื่อพระเขียนคำว่า shem (“ชื่อ”) บนกระดาษหนังแล้วใส่เข้าไปในปากของมัน นอกจากนั้นพระยังเขียนคำว่า emet (“สัจธรรม” Truth) บนหน้าผากของมัน
....โกเลม (Golem) คือศาสตร์แห่งการสร้างข้ารับใช้ตามคติความเชื่อของชาวยิว ยูดา การสร้างโกเลมนั้น สามารถสร้างได้โดยการนำมูลดินมาปั้นเป็นรูปมนุษย์ มีรยางค์ทั้งห้าครบบริบูรณ์ คือ ศีรษะ แขน และขา การที่จะให้โกเลมมีชีวิตขึ้นมาได้นั้น คือการฝังรูปจารึกถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ คำว่า "EMETH" เป็นภาษายิว (ที่นี่ไม่มีฟอนท์ฮิบริว ไม่งั้นจะเขียนให้ดู) ซึ่งหมายถึง "สัจจะ" อาจจะเป็นแผ่นกระดาษ แผ่นไม้ หิน หรือสิ่งที่สามารถลงอักขระได้
.... โกเลมนั้นเปรียบได้กับ ชิกิงามิ หรือภูติรับใช้ตามคติของชินโต รับคำสั่งของเจ้านายและนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โกเลมนั้น เด่นเรื่องพลังทางกายภาพ และความทนทานทางร่างกาย แต่ด้อยในเรื่องของพลังเวทย์ และการต้านทานพลังเวทย์ รวมไปถึงความรวดเร็วคล่องตัว นักเวทย์ทั่วไปจึงนิยมให้โกเลมเป็น "หน้าด่าน" ตั้งรับ ขณะที่ร่ายเวทย์ เพื่อป้องกันศัตรูจู่โจม
.... โกเลมถือเป็นสิ่งที่เรียกว่า มีจิตแต่ไร้วิญญาณ คือตายไปแล้ว จิตจะหายไป ไม่สามารถเกิดใหม่ได้ หรือสร้างใหม่ให้มีความทรงจำของตัวเดิมได้ เพราะไร้วิญญาณซึ่งเป็นที่พำนักของจิต มีแต่เพียงพลังเวทย์จากอักขระ EMETH เท่านั้นที่เป็นตัวขับดัน
การที่จะทำลายโกเลมนั้นแสนง่ายก็คือ ลบ ตัด หรือทำลายแผ่นอักขระ EMETH ให้เหลือเพียง "METH" ซึ่งแปลว่า "ความตาย" โกเลมตนนั้นก็จะสิ้นชื่อ กลับเป็นธุลีดินดังเคย
Harpies (ฮาร์ปี)
.... ฮาร์ปีมักถูกวาดภาพเป็นสัตว์ที่มีศีรษะและหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ร่างกายเป็นนก (คล้าย ๆ กินรีที่เรารู้จักกันนั่นแหละ) มันเป็นที่รู้จักในเรื่องกลิ่นอันเหม็นอย่างร้ายกาจ ซึ่งจะทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้ จริงๆแล้วฮาร์ปีคือบรรดาบุตรีของThaumas กับ Electras หรือ Posaidon กับ Gaia โดยปกติจะมีจำนาน3ตน มีหลายชื่อเรียก แต่โดยทั่วไปจะมีชื่อว่า Aello , Celeano และ Ocyppete
....ในเทพนิยายสมัยแรกๆระบุว่ามีจำนวนความแตก ต่างกันไป และมีความงาม แต่ต่อมาในยุคหลังๆกล่าวว่า ปีศาจนกพวกนี้มีความน่าเกลียด มีเล็บยาว และมีกลิ่นแรง และมีความหิวอยู่ตลอดเวลา Zeus ได้ให้นกพวกนี้ไปแย่งอาหารมาจาก Phineus นกตัวที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของ Balius กับ Xanthus ภายหลังนก Harpies ถูก Celias และ Zetes ฆ่าตาย ที่อยู่ของนกพวกนี้ได้แก่เกาะ Strophades หรือที่แห่งหนึ่งใน Crete
Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์)
....แปลตรงตัวคือ “สุนัขล่าเนื้อแห่งนรก” นั่นเองครับ มีหลายตำนานที่พูดถึงสุนัขน่ากลัวซึ่งอาศัยอยู่ใต้โลกพวกนี้ ตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ “Cerberus (เซอร์บิรัส)” เซอร์บีรัส Cerberus หรือเคอร์เบรอส Kerberos ชื่อในภาษากรีก
....Cerberusเป็นสัตว์ในตำนานกรีก เป็นบุตรของไทฟอน(Typhon) และอีคิดน่า(Echidna)มีพี่น้องหกตัวได้แก่ ไคเมร่า ไฮดรา สฟริงซ์ นีเมียน ลาดอน(แต่ละตัวนี่ไม่ไช่เล่น)โดยเซอร์บีรัส มีรูปร่างเป็นสุนัขสามหัวตัวใหญ่ แข็งแรงมีหางเป็นงูที่สามารถฉกกัดได้ แต่สำหรับผมคิดว่า เซอร์บีรัสน่ามีหางเป็นงูแน่นอนเพราะเป็นลูกของอีคิดน่า ซึ่งมีรูปร่างเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาแสนสวย แต่ท่อนล่างของนางกับเป็นงูใหญ่จึงไม่ผิดที่เซอร์บีรัสจะมีหางเป็นงู ภายหลังเทพเฮดิส(Hedes)ได้นำเซอร์บีรัสไปเป็นยามเฝ้าประตูนรก มันจึงถือได้ว่าเป็นสัตว์อารักขาประจำตัวของเทพเจ้าเฮดิสเลยทีเดียว ในภาพเห็นตัวแค่นี้แต่จริงในตำนานกล่าวว่ามันมีตัวใหญ่ ถึงไม่เท่ามังกรก็เถอะ เราจะเห็นได้ในภาพยนตร์หรือในวรรณกรรมหลายๆเรื่อง ที่เห็นสุนัขสามหัวตัวใหญ่เฝ้าทางเข้านรก หรือสิ่งของอื่นๆตามจินตนาการของผู้เขียน
....นรกที่ว่า หมายถึงนรกในตำนานของชาวกรีก เฮดิส(ตามชื่อผู้ปกครอง) ซึ่งเซอร์บีรัสจะเฝ้าที่นี่ไว้โดยมันจะให้คนที่ตายแล้วผ่านเข้าไป แต่จะไม่ให้กลับออกมาอีก ส่วนคนที่ยังไม่ตาย อย่าหวังว่าจะได้เข้าไป มันจะไม่ให้ผ่านเข้าไปเด็ดขาด!
....และที่ได้ยินกันบ่อยในตำนานของวีรบุรุษในตำนาน เฮอร์คิวลิส(Herculis) หรือเฮราเคิลในตำนานโรมัน โอรสของจอมเทพซูส โดยเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ เฮอร์คิวลิสถูกเทพีเฮร่ากลั่นแกล้งในฐานะที่เป็นลูกภรรยาน้อยของซูส ให้เฮอร์คิวลิสทำความผิดนานาประการ ผู้พยากรแห่งวิหารเดลฟีได้บอกแก่เขาว่าเขาจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของ กษัตริย์ที่ไร้ความสามารถเป็นเวลาถึง 12 ปี และเขาต้องทำภาระกิจ 12 อย่าง เช่นต่อสู้กับสัตว์ร้ายต่างๆหนึ่งในนั้นคือจับเซอร์บีรัส ในกาลนั้น เขาได้เดินทางไปยังไต้บาดาลและต่อสู้กับเซอร์บีรัสอย่างดุเดือด แต่ด้วยพละกำลังมหาศาลที่ได้จากเทพซูสผู้เป็นบิดา จึงสามารถจับเซอร์บีรัสไปถวายกษัตริย์ได้
....และยังมีตำนานของออร์ฟีอุส ซึ่งภรรยาของเขาถูกงูพิษกัดตาย เขาได้ใช้พรสวรรค์ในการเล่นพิณ ทำให้เซอบีรัสเคลิ้มหลับไป ปล่อยให้เขาไปเข้าตามวิญญาณภรรยาในเฮดิสโดยง่าย ด้วยเสียงพิณนี้เอง เทพเฮดิสและเพอซีโฟนีภรรยาได้ทรงสดับเสียงพิณอันไพเราะ เกิดความประทับใจในความสามารถและความพยายามของเขา ยอมให้ยูริดิซี คนรักของออร์ฟีอุสกลับไปมีชีวิตได้ ทว่ามีข้อแม้ว่าเขาห้ามหันมามองนางระหว่างทางกลับจนกว่าจะถึงโลกมนุษย์แต่ เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย ออร์ฟีอุสลืมคำเตือนของเฮดิส หันไปมองยูริดิซี ทำให้นางต้องกลับไปอยู่ในใต้ภิภพตลอดกาล
แหล่ง ทีมา http://www.gconsole.com/forum/show.php?page=topicdetail&id=32796&cat=5&layout=
Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส)
.... อาจจะไม่คุ้นชื่อนะครับสำหรับตัวนี้ ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์ครึ่งม้าครึ่งปลา ชื่อของมันแปลว่า “Sea Horse” ครับ (จะแปลว่า ม้าทะเล หรือ ม้าน้ำ ดีล่ะ...) มันมีหัวและขาหน้าเหมือนกับม้า แต่เท้าเป็นพังผืดและแผงคอมีครีบ ลำตัวของมันยาวเหมือนม้า ส่วนท่อนล่างเป็นหางปลา(ข้อมูลน้อย หุหุ ตัวนี้)
Kelpies (เคลพี)
Kelpies (เคลพี) เคลพี หมายถึง ม้าน้ำ (Water Horse) เป็นวิญญาณแห่งน้ำตามความเชื่อของชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งอาจทำอันตรายหรือทำให้มนุษย์ถึงตายได้ เคลพีมีหลายรูปร่าง หนึ่งในนั้นคือชายขนดกกับม้าสวยงาม ขณะที่อยู่ในร่างม้า มันจะเชื้อเชิญให้ผู้ชายขี่มัน จากนั้นผู้ขี่ก็จะพบว่าเขาไม่สามารถลงจากมันได้ และมันก็พาเขาไปที่บ้านใต้น้ำของมัน เหยื่อของเคลพีบางส่วนจะแค่จมน้ำตายไป หรือถ้าโชคร้ายก็จะกลายเป็นอาหารของมันด้วย เคลพีในแม่น้ำส่วนใหญ่มักจะทำให้คนจมน้ำเท่านั้น ขณะที่มันอยู่ในร่างของม้า สามารถแยกแยะจากม้าทั่วไปได้โดยดูที่รอยเท้าด้านหลังของมัน เคลพีสามารถถูกบังคับด้วยบังเ***ยนได้ แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักในการควบคุมเคลพีหลังจากที่มันมีพลังอำนาจพอจะ ร่ายคำสาป ใส่ผู้อื่น นอกจากร่างของม้าแล้ว เคลพียังแปลงเป็นชายรูปหล่อเพื่อล่อลวงหญิงสาวเข้าไปในถิ่นพำนักของมันได้ ในร่างนี้เราสามารถแยกแยะได้โดยการดูจากกระดองและสาหร่ายในเส้นผมของมัน(ยัย มุก ยัยใหม่ ระวังไว้ เหอๆๆ)
Kappa (กัปปะ)
Kappa (กัปปะ) ตามตำนานของญี่ปุ่น กัปปะเป็นปีศาจน้ำที่ชอบทำให้มนุษย์จมน้ำ มันผอมแห้งเนื้อติดกระดูก และมีศีรษะกลมที่เต็มไปด้วยน้ำ นอกจากนั้นมันยังมีกระดองเต่าอยู่บนหลังและมีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า เหยื่อที่ถูกมันดึงลงน้ำก็จะถูกกิน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาด หลายครั้งที่มันแสดงความโง่ออกมาให้เห็น คนที่เผชิญหน้ากับกัปปะเพียงโค้งให้มันอย่างสุภาพ กัปปะก็จะโค้งตอบ และทำให้น้ำบนศีรษะของมันหกลงมา เมื่อน้ำลดลงกัปปะจะมีแรงดึงให้เหยื่อของมันจมน้ำได้น้อยลง ซึ่งเปิดโอกาสให้เหยื่อหนีไปได้ อีกวิธีหนึ่งที่จะเลี่ยงจากกัปปะได้ คือ ให้แตงกวาแก่มัน แตงกวานั้นต้องมีชื่อและอายุของผู้ให้อยู่ เมื่อคนโยนแตงกวานั้นให้ กัปปะก็จะจำไว้และไม่ทำร้ายคน ๆ นั้น
แหล่งที่มา http://atcloud.com/stories/70123
เลวี อาธาน.. [..Leviathan..]
....ชื่ออื่นที่ปรากฏ : Lothan, Leviatan
....ความหมายของชื่อ : ผู้ที่ขัดขวางความศรัทธา
การสังหารเลวีอาธาน" ภาพพิมพ์ ค.ศ. 1865 โดย กุสตาฟ โดเร (Gustave Doré)
....เลอีวาธาน (????????? "ม้วน; ขด", ภาษาฮิบติรูมาตรฐาน Livyatan, ภาษาฮิบรูเมเรียน Liwy???n) เป็นสัตว์ร้ายในทะเล ตามความในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในศาสนาคริสต์ อ้างไว้ในพระพันธสัญญาเดิม (เพลงสดุดี 74:13-14; โยบ 41 ; และ อิสยาห์ 27:1) นอกจากนั้นยังปรากฏในคัมภีร์ยิวอีกด้วย
....Leviathan มาจากคำว่า “liweyatan” ในภาษาฮีบรู ซึ่งมาจากรากศัพท์ว่า “lwh” (คำใกล้เคียงในภาษาอาหรับคือ “lwy” ซึ่งแปลว่า “เกลียว”) หมายถึงสัตว์ที่ขดตัวเป็นเกลียว (อสย. 27:1), และมีหลายหัว (สดด. 74:14) เลไวอาธันมักถูกกล่าวถึงคู่กับเบเฮโมธ (Behemoth)
....ใน The Sacred magic of Abramelin the Mage หนึ่งในคัมภีร์ไสยเวทของยุโรป ระบุว่ามีปีศาจระดับสูงอยู่
สี่ตน คือ
1. ลูซิเฟอร์ (Lucifer)
2. เลอเวียธาน (Leviathan)
3. ซาตาน (Satan)
4. เบลิอัล (Belial)
(source: www.tomlytle.com/Capture.htm)
....ซึ่งตามตำนานโบราณ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็อาศัยอยู่ในท้องทะเลมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการจมเรือมานักต่อนัก จนกลายเป็นเรื่องเล่าขานกันในยุคเก่าของนักเดินเรือแถบยุโรปบางท้องที่ ที่เปรียบเลเวียอาธารตนนี้ดังเช่นฝันร้ายแห่งท้องทะเล ที่หากวันไหนดวงดีไปเจอเข้า ก็หมายถึงทุกชีวิตบนเรือจะต้องเตรียมตัวเปียกน้ำกันหนใหญ่ และอาจเลยไปถึงการเตรียมตัวเดินทางสู่โลกหน้า เพราะห้วงน้ำวนขนาดยักษ์ที่มันสร้างขึ้นจะดูดเอาทุกสิ่งทุกอย่างกลืนหายลงไป ใต้ผืนน้ำ ไม่ให้เหลือรอดกันออกมาง่ายๆ
....นอกจากนั้นในตำราฮิบรูกล่าวว่า เลวีอาธานเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเวทย์ร้ายกาจมาก ใช้มนตร์ได้ เป็นสัตว์ที่ควบคุมผืนน้ำท้องทะเล บางที่ก็เชื่อว่ามันควบคุมฤดูฝน เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดพายุครั้งใหญ่ มีความเชื่อว่ามันชอบอยู่สันโดษ จึงไม่ค่อยเป็นภัยต่อมนุษย์ (แต่บางตำราก็กล่าวว่า มันเป็นฝันร้ายของท้องทะเล) ซึ่งกล่าวกันว่า เลวีอาธานเป็นเจ้ามังกรแห่งผืนน้ำ
ลักษณะของเลอีวาธาน
โย บ 41 โดยเนื้อความแล้ว บทที่ 41 นี้กล่าวโดยย่อและสรุปว่า
"........เป็นสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ เพศเมีย มีหลายหัว มันมีพละพลังมหาศาล มีโครงสร้างร่างกายที่แกร่งกล้า มีเกล็ดตามร่างกายที่หนาถึง 2 ชั้นซึ่งเปรียบเหมือนเสื้อนอก ที่แต่ละชั้นแนบชิดติดตัวและต่อกันเป็นเนื้อเดียวเหมือนตราผนึกที่แข็งแกร่ง จนลมไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ มันมีดวงตาที่ส่องสว่างเปรียบเหมือนแสงอันเจิดจ้าของอรุณรุ่ง (หมายถึงมันโผล่ตาขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนที่จระเข้ทำเวลาล่าเหยื่อ ตามันจะโผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย เหมือนพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาในตอนเช้า) มีฟันแหลมคมเหมือนจระเข้
....สามารถพ่นไฟได้ และแม้เพียงหายใจก็มีควันคุกรุ่นออกมาเหมือนหม้อเดือด เนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้เกล็ดแกร่งนั้นเล่าก็หล่อติดกันแน่น จนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ อีกทั้งช่วงล่าง (หรือคงเป็นช่วงท้อง) ก็มีสภาพเป็นเกล็ดแหลมคม อาวุธต่างๆ ไม่สามารถสร้างความเสียหายและระคายเคือง อีกทั้งหัวใจยังแข็งแกร่งเหมือนแท่นโม่หิน......"
ในวิวรณ์บรรยายไว้ว่า เลวีอาธานมีลักษณะ เหมือนงูขนาดใหญ่ เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นในวันที่ห้าของการสร้างโลก มีร่างกายขนาดมหึมา เลวีอาธานถูกสร้างขึ้นในทะเลและเป็นเจ้าแห่งทะเล เช่นเดียวกับที่เบเฮโมธเป็นเจ้าแห่งผืนดิน (ที่จริงแล้วเป็นผืนทรายจะเหมาะกว่า เพราะพื้นที่เป็นทะเลทราย)
วิวรณ์ ยังระบุว่าทั้งสองจะปรากฏกายขึ้นในวันสิ้นโลก ก่อนที่จะถูกพระผู้เป็นเจ้าทำลายลงไปทั้งคู่ก่อนท้องทะเลและแผ่นดินจะสูญ สลายไปตามลำดับ (แต่บางตำราก็บอกว่าทั้งสองย่อยยับจากการต่อสู้กันเอง)
ด้วยเหตุนี้เอง เลวีอาธานจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมืดและความวุ่นวายต่างๆ บางครั้งก็ถึงกับถูกมองเป็นอสุรกายหรือปิศาจไปเลยทีเดียว ใครไปอ่านพระคัมภีร์ก็ระวังจะงงเพราะตีความได้หลายแบบ จะเป็นความวุ่นวาย เป็นงู เป็นปลา เป็นจระเข้อะไรได้หมดขึ้นอยู่กับบริบท
นอกจากนี้แล้วเลไว อาธันยังเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิงอีกด้วย (เพราะว่าเลไวอาธันเป็นตัวเมีย และแน่นอน -- เพศชายก็คือเบเฮโมธซึ่งเป็นตัวผู้)
คัมภีร์ปฐมกาลกล่าวว่า "ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินแผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น" ผืนน้ำนั่นแหละครับคือความสับสนวุ่นวาย และก็คือลีเวียธาน
เลวีอาธานและเบเฮมอธ
ในหนังสือ Book of Job ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์และฮิบรู
ลีเวียธาณถูกบรรยาย ไว้ว่าเป็นเป็นปีศาจที่ไม่มีทางที่มนุษย์จะเอาชนะได้
ใน หนังสือกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นปีศาจร้ายที่มีลมหายใจเป็นไฟ เมื่อมนุษย์ได้เห็นมัน จะต้องกรีดร้องด้วยความกลัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ทหารกล้าผู้ชณะมาหลายสงครามยังต้องกรีดร้องเหมือนผู้หญิง และยืนร้องไห้เหมือนเด็ก
ความหวาดกลัวในปีศาจตนนี้ได้มีมานานมาก
ซึ้งถึงขนาดปรากฏใน DEAD SEA SCROLLS
แต่ที่น่าสนใจคือ ในบันทึกนี้ บอกไว้ว่า
ซักวันหนึ่งบุตรแห่งแสง จะทำลาย บุตรแห่งความมืด
และนำมาซึ้งหายณะขิงลีเวียธาณ
....ทำไมมันถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความอิฉฉาน่ะเหรอ?
มี ทฤษฏีต่างกันออกไป บางก็ว่ามันอิฉฉามนุษย์ที่อยู่ได้ทั้งบนเขา พื้นดิน และท้องทะเล และมีอิสระเสรี แต่มันต้องถูกกักขังอยู่แต่ในท้องทะเล
บางก็ว่า มันอิฉฉาในพลังอำนาจของพระเป็นเจ้า
แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นตัวแทนของความหวาดกลัวตั้งแต่สมัยดึกดำบรรณ์ของ มนุษย์
....คำว่า "เลวีอาธาน" นั้น ยังหมายถึงสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ หรือสัตว์ขนาดใหญ่ใดๆ ก็ได้ ในภาษาฮิบรูใหม่ คำนี้มีความหมายเพียง ปลาวาฬ เท่านั้น เลวีอาธาน มีลักษณะเหมือน งูมีความยาวมาก ปรากฏบ่อยๆในเกม เช่น final fantasy, Dot A etc
...คาไมทาจิ...[Kamaitachi]
....เป็นภูตลมในตำนานความเชื่อของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนสายลม โดยคาไมทาจิมักพบที่โคชิเนซึ
....คาไมทาจินั้นนายโทริยามะ เซคิเอนคาดเดาว่า ได้มาจากจินตนาการการปรากฏตัวภูตผีที่มีลักษณะคล้ายตัววีเซิล (พังพอน) โดยเชื่อว่าตัววีเซิลนั้นเองที่เป็นแบบฉบับของคาไมทาจิ ซึ่งคำว่าคาไมทาจินั้นมีความหมาย 2 อย่างคือ
....ความหมายแรกนั้น เป็นความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจแห่งสายลม คาไมทาจิ (คามะ แปลว่า เคียว, อิทาจิ แปลว่า ตัววีเซิล (weasel)) ซึ่งหมายถึง "โจมตี วีเซิล" อีกความหมายนั้นเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือ "เคียว วีเซิล"
....คาไมทาจิที่คนญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่าเป็นภูติ ลมนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวกับกรงเล็บอันแหลมคม 3 กรงของตัววีเซิล หรือลมที่พัดแรงขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้ข่วนหรือฟัน ขา ลำตัวของผู้คนที่โชคร้าย แต่บางครั้งก็มีความเชื่อเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมโบราณว่า คำว่า 3 นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นกรงเล็บของตัววีเซิล แต่หมายถึงพี่น้องฝาแฝด 3 คน ที่โจมตีต่อเนื่องกัน
....เรื่องเล่าเกี่ยวกับคาไมทาจิ
....เรื่องเล่าเกี่ยวกับคาไมทาจิมีอยู่ว่าผู้คนที่ขึ้นไปบน ภูเขา บางครั้งจะพบกับลมหมุน เมื่อลมหมุนผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองมีบาดแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ คาไมทาจิอาศัยอยู่ในลมหมุน มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว มีพฤติกรรมคือ ตัวแรกจะชนเหยื่อให้ล้ม ตัวที่สองจะฟันเหยื่อให้เป็นแผล ส่วนตัวที่สุดท้ายจะทายาให้เพื่อห้ามเลือดและระงับอาการเจ็บปวด แต่การจู่โจมบางครั้งก็สร้างบาดแผลร้ายแรง และเจ็บปวดกว่าที่คิด ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมคาไมทาจิจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น
....คาไมทาจิจัดว่าเป็นอันตรายกับมนุษย์ เพราะมีบางเรื่องเล่ากล่าวว่า ผู้ที่พบปรากฏการณ์คาไมทาจิ บางครั้งไม่ได้ถูกฟันครั้งเดียว แต่จะถูกฟันแล้วทายา แล้วถูกฟันซ้ำๆอีก ซึ่งนับว่าน่ากลัว เพราะว่าคาไมทาจิมีนิสัยชอบต่อสู้อยู่เหมือนกัน
....หลายๆครั้งคาไมทาจิก็ถูกนำไปประกอบในนิยาย การ์ตูนหลายเรื่อง เช่น Naruto , Flame of Recca (anime), Bleach (anime) , Pokémon , Final Fantasy (Play staion) เป็นต้น ซึ่งหลายคนคงจะรู้จักคาไมทาจิกันในนามภูติแห่งลมนั้นเอง