ที่มา"ภูเขาไฟระเบิด" ไทยรอดตัว-จับตาอินโดฯ


 


 

จากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในประเทศไอซ์แลนด์และปะทุต่อเนื่อง ทำให้เกิดเถ้าภูเขาไฟฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้างในแถบยุโรปตะวันตก สร้างความเสียหายทางเศรษฐ กิจและธุรกิจการบินอย่างมากช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น

รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงปรากฏ การณ์ภัยธรรมชาติดังกล่าวว่า ตามหลักทฤษฎีทางธรณีวิทยา โดยเฉพาะการแปรสัณฐานเปลือกโลกแล้วภูเขาไฟในบริเวณไอซ์แลนด์ไม่ควรระเบิดรุนแรงขนาดนี้ แต่ว่าในกรณีนี้เป็น "ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง" คือมีชั้นน้ำแข็งหนาปิดทับอยู่ด้านบน ทำให้เกิดการสะสมของพลังงานมาก จึงระเบิดอย่างรุนแรง

"ภูเขาไฟแบ่งได้ง่ายๆ 2 แบบ คือ 1.ภูเขาไฟที่ระเบิดรุนแรง เช่น ภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนในอเมริกา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่มาชนกันหรือมุดเข้าหากัน และ 2.ภูเขาไฟที่ระเบิดไม่รุนแรง เช่น ภูเขาไฟไอซ์แลนด์ เพราะเกิดในบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกแยกตัวออกจากกัน หรือเกิดจากการปะทุขึ้นมาของจุดร้อน (hot spot) ใต้โลก เช่น ภูเขาไฟฮาวาย


 



แต่สำหรับการระเบิดของภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ คือเป็นภูเขาไฟที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง "ไอย์ยาฟยัลลาโยกูล" มีชั้นน้ำแข็งที่หนามากมาปิดทับปล่องด้านบนอยู่ จึงทำให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนและแรงดันจำนวนมหาศาลอยู่ภายใน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อพลังงานที่สะสมใต้โลกมีมากจนเกินรับไหว จึงเกิดแรงดันจนน้ำแข็งที่ปิดทับอยู่ถูกดันให้แตกออกจนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เถ้าถ่านร้อนที่อยู่ในหินละลายลาวาก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว


 



นอกจากนี้ แรงดันและพลังงานความร้อนที่ปะทุออกมายังมีผลทำให้น้ำแข็งบริเวณรอยแยกกลางเกาะไอซ์แลนด์ละลายอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

เมื่อน้ำแข็งและน้ำเย็นไหลมาผสมกับหินละลายก่อให้เกิดเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก โดยเถ้าภูเขาไฟขนาดใหญ่จะฟุ้งกระจายไม่นานและตกลงในมหาสมุทร ขณะที่เถ้าภูเขาไฟขนาดเล็กจะฟุ้งและเคลื่อนตัวไปได้ไกลมาก

การระเบิดของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ด้วยอิทธิพลของ "ลม" ที่เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกทำให้เถ้าภูเขาไฟถูกพัดฟุ้งกระจายไปทางทิศตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ เป็นเหตุให้หลายประเทศในแถบยุโรปตะวันตกได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการบิน เพราะเถ้าเหล่านี้ไม่เพียงทำลายทัศนวิสัย แต่ยังมีผลให้เครื่องจักรต่างๆ ในเครื่องบินเสียหายด้วย"

รศ.ดร.ปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันนักธรณีวิทยาบอกได้เพียงว่ามีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่บริเวณใดบ้าง แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะสามารถทำนายถูกต้องแม่นยำว่าภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อใด ส่วนภูเขาไฟในประเทศไทยเป็นชนิดที่ดับสนิทตั้งแต่เมื่อห้าแสนปีที่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลใจ

แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังไว้ คือภัยจากแผ่นดินไหวและฝุ่นควันฟุ้งกระจาย เช่น ภูเขาไฟละแวกใกล้เคียงที่ต้องจับตามอง อาทิ ภูเขาไฟกรากะตัวของอินโดนีเซีย ที่เคยระเบิดเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2426 ซึ่งครั้งนั้นไทยได้รับผลกระทบจากเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ปะทุออกมาด้วยเช่นกัน



ข้อมูล : ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.
 

Credit: http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNakU0TURVMU13PT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB4T0E9PQ==
18 พ.ค. 53 เวลา 14:34 8,168 12 284
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...