เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถด้านการบริหารและการปกครองเป็นอย่างมาก ในขณะที่เธอมีชีวิตนั้น เธอทำให้ประชาชนประเทศอาเจนตินาร์มีความเป้นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทำให้เธอเป็นสตรีอันดับ1 ของประเทศเลยทีเดียว
แต่ก็ต้องจากไปในวัยเพียง 33 ปี เพราะโรคร้าย ส่งผลให้สามีทำใจไม่ได้ ต้องนำศพของเธอมาตั้งไว้ข้างกายตลอด ทั้งอาบน้ำ กินข้าว นอนก็ต้องนอนข้างๆ และพอสามีของเธอเสียชีวิต ทั้งคู่จึงได้ไปฝังและอยู่ด้วยกันไปตลอดกสล
2.องคชาติของ Rasputin ได้ถูกนำมาแสดงที่พิพิธภัณฑ์ erotic หลังจากสูญหายไปหลายสิบปีรัชปูตินนั้น ถือว่าเป็นเพลย์บอยขนานแท้เลยก็ว่าได้ เพราะเขามีเจ้าโลกและประสบการณ์ด้านเซ็กส์อย่างโชกโชน และเขายังเป็นคนอึดตายยากอีกด้วย ดูจากขนาดเจ้าโลกของเขาแล้ว คงไม่ต้องบอกนะครับว่าทำไมผู้หญิงถึงโปรดปรานเขานัก
3.ศพของ Lord Horatio Nelson ถูกเก็บรักษาไว้ในบรั่นดี(เหล้า)!พลเรือโท Horatio Nelson วีรบุรุษสงครามของอังกฤษ ต้องเสียชีวิตไปขณะที่ออกรบ ซึ่งในตอนนั้นอยู่กลางทะเลไกลออกไปจากเมืองมาก ทำให้เหล่าพลทหารต้องทำการเก็บรักษาศพ เพื่อเป็นการสดุดีต่อท่านนายพล เหล่าพลทหารจึงตัดสินใจนำร่างไร้วิญญาณของท่านนายพลไปดองเก็บไว้ในถังเหล้าชั้นดี แต่ที่น่าตกใจก็คือ เมื่อนำศพกลับมาถึงท่าเรือก็พบว่า เหล้าในถังนั้นถูกดื่มจนหมด ทหารหลายนายถึงกับหน้าซีดกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ
4.ร่างของแฝดสยามที่ถูกนำมาหล่อปูนและตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์
แฝดสยามคู่แรกของโลก อิน-จัน หลายๆคนอาจจะคิดว่าทำไมไม่ผ่าตัดแยกตัวออกมาหล่ะ นั่นก็เพราะว่า การแพทย์ในสมัยก่อนนั้นยังไม่สามารถทำได้ และถึงแม้การแพทย์สมัยนี้จะพัฒนามามากแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงสูง ที่แฝดจะตายทั้งคู่
ปัจจุบันถูกแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Mutter Museum ใน Philadelphia
5.หัวใจของ Anne Boleyn ถูกเก็บไว้กับสามี ผู้ที่เป็นคนสั่งฆ่าเธอ
Anne Bolyen พระชายาของกษัตริย์ Henry ที่8 ราชวงศ์อังกฤษ ถูกจับประหาร และควักหัวใจ เพราะสามีของเธอเชื่อว่าเธอต้องคำสาปและเธอคบชู้ เจ้าชายนั้นอยากได้ลูกชาย แต่ Anne ได้ประสูติออกมาแต่ลูกสาว และเขายังหูเบาเชื่อว่าภรรยาของตนนั้นคบชู้กับคนสามัญและน้องชายของเธอเอง ซึ่งหัวใจที่ถูกควักออกมานั้น เจ้าชายได้เก็บไว้กับตัวเอง เพราะรักเธอมาก
6.การเดินทางของสมอง Einsteinเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 1955 นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขาได้เขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล Princeton เพื่อตรวจความเจ็บปวดในหน้าอกของเขา ในเช้าวันถัดมา เขาก็เสียชีวิตด้วยโรค หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง ในขณะที่ข่าวการตายของ Einstein ด้วยวัย 76 ปี กำลังโด่งดังอยู่ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สมองของเขา สมองที่กักเก็บความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของเขา ถูกขโมยไป และนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
Dr. Thomaz Stolz Harvey เป็นหมอที่ได้รับมอบหมายในการชันสูตรศพของ Einstein เขาเริ่มการผ่าตัดศพของ Einstein และหลังจากที่เขารู้สาเหตุการตายแล้ว เขาก็ได้ทำการนำสมองของ Einstein ออกมา วัดความกว้าง ช่างน้ำหนัก เขาบอกว่า “ผมได้รับอนุญาตให้ชันสูตรเขา ก็เลยนึกว่าจะผ่าสมองเขาออกมาศึกษาได้ด้วย” ประเด็นคือ จนถึงปัจจุบันนี้ ไม่มีเอกสารแม้แต่ฉบับเดียวที่มีบันทึกว่า Thomaz ได้รับมอบหมายให้ทำการชันสูตรศพ Einstein
หลังจากการตรวจวัดคำนวณทุกๆอย่างแล้ว Dr. Thomas ก็ได้นำสมองของ Einstein ไปแช่ไว้ในสารฟอร์มาลดีไฮด์ เขาควักลูกตา Einstein ออกมาและนำมันไปให้กับหมอ Henry Adams หมอตาของ Einstein (มีข่าวลือว่า ลูกตาคู่นั้นถูกเก็บไว้ในตู้เซฟของธนาคารที่ไหนสักที่ใน New York) สุดท้ายแล้วศพของ Einstein ก็ถูกส่งกลับไปเพื่อเผา
การนำสมองและดวงตาของ Einstein ออกมานั้นขัดกับคำขอสุดท้ายของ Einstein ที่บอกว่าเขาต้องการที่จะถูกเผาทั้งหมดทั้งร่างและนำเอาอัฐิของเขาไปลอยอังคารอย่างลับๆ เพื่อเป็นการไม่ส่งเสริมการเคารพบูชาเขา ไม่เพียงแค่นั้น Dr.Harvey ยังไม่มีสิทธิตามกฎหมายในการเก็บสมองของเขาไว้ด้วย ภายหลัง Harvey ได้รับอนุญาตจากลูกชายของ Einstein ก็คือ Hans Albert ว่าให้สามารถเก็บสมองพ่อเขาไว้ได้ หลังจากที่ Harvey สัญญาว่าสมองของ Einstein จะถูกนำมาศึกษาเพื่อผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ และจะตีพิมพ์สิ่งที่ค้นพบลงในหนังสือบันทึกวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
New York Times ฉบับที่มีหน้าปกเป็น Einstein ตีพิมพ์เมื่อ 20 เม.ย. ได้ลงหนังสือว่า Dr.Harvey ได้ทำการชันสูตรศพ Einstein จากการอนุญาตของ Albert แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจริงๆแล้วเขาอนุญาตหลังจากที่ผ่าไปแล้วต่างหาก Dr.Harvey ได้เก็บสมองของ Einstein ใส่โหลไว้ในออฟฟิศของเขา จนเขาโดนไล่ออกจากโรงพยาบาล Princeton เขาก็ได้นำมันไปกับเขาด้วย เขาได้ไปทำงานต่อที่มหาวิทยาลัย Pennsylvania และได้รับความช่วยเหลือจากมืออาชีพในการผ่าแบ่งสมองออกเป็น 1000 สไลด์ 240 บล็อก เขาใส่มันไว้ในสี่เหลี่ยมเซลลูลอยด์และแจกจ่ายมันออกไปตามที่ต่างๆ และส่วนที่เหลือเขาก็เก็บเอาไว้เองในโหลฟอร์มาลีน
Thomas Harvey เสียชีวิตลงในปี 2007 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขาได้ส่งสมอง Einstein กลับไปที่โรงพยาบาล Princeton ณ ที่ที่มันเริ่มต้นการเดินทางของสมอง เหล่านักวิจัยทั้งหลายที่เคยได้รับชิ้นส่วนสมองของ Einstein มา ต่างก็ส่งชิ้นส่วนนั้นกลับมาที่โรงพยาบาล Princeton เช่นกัน
ปัจจุบันนี้ พิพิธภัณฑ์ Mutter Museum ใน Philadelphia เป็นสถานที่เดียวในโลกที่เราจะสามารถมองเห็นสมองของ Einsteinได้ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก และรวมไปถึงโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของ Thomas Harvey อีกด้วย
7.นิ้วที่หายไปของ Galileo กลับมาอยู่ในโหลอีกครั้งหลังจากหายสาบสูญไปกว่า 300 ปี!คนที่ตัดนิ้วของ Galileo ออกไปนั้น เป็นคนที่คิดว่า Galileo นั้นเป็นเหมือนผู้มาโปรดโลก และนิ้วที่โดนตัดไปนั้นก็เป็นนิ้วที่เขาใช้ในการจับปากกา และในปี 2009 นิ้วก็ได้กลับมายังพิพิฒธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ Florence เนื่องจากมีผู้ประมูลมาได้จากตลาดมืดและเขาก็ได้นำมามอบให้พิพิฒธพันฑ์เก็บรักษานั่นเอง ช่างเป็นคนดีจริงๆ
ที่มา – talulok