ในเขตเต้าฝู มลฑลเสฉวน เป็นที่อยู่อาศัยของ “ชาวจาป้า” ซึ่งในปัจจุบันถูกรัฐบาลจีนนับรวมว่าเป็นชนเผ่าหนึ่งของชาวทิเบต แต่จากภาษาที่ชาวจาป้าใช้สื่อสารกันอยู่ แตกต่างจากภาษาทิเบตอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน จนปัจจุบันนี้ชาวจาป้าเป็นใครมาจากไหนก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาวิจัยกันต่อไป
เขตจาป้า เป็นคำเรียกพื้นที่ที่ชาวจาป้าอาศัยอยู่ในเขตเต้าฝู ในอดีตเป็นเสมือนเกาะร้างที่มีคนภายนอกเดินทางไปถึงน้อยมากเนื่องจากความทุรกันดารของสภาพภูมิประเทศและภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของชาวจาป้ายังคงลักษณะของความเป็นสังคมแบบดั้งเดิมได้เกือบ100เปอร์เซนต์
บ้านของชาวจาป้าสร้างจากหินก่อขึ้นเป็นชั้น ๆ ชั้นล่างเอาไว้เก็บพวกอาหารแห้ง หรือเสบียงต่าง ๆ ชั้นสองถึงเป็นส่วนที่ใช้สอยของคนในบ้าน โดยมากมักเป็นห้องครัว และห้องนอนของลูกสาว ส่วนชั้น 3 เป็นห้องนอนของสมาชิกอื่น ๆ ในครอบครัว หลังคาด้านบนเป็นที่ตากอาหารแห้ง
ที่ให้ห้องนอนของลูกสาวอยู่ชั้นที่สอง เนื่องจาก ชาวจาป้ามีประเพณีที่ยังตกทอดกันมาจนถึงปัจจุบันก็คือ การ “ปีนห้อง” ซึ่ง เป็นการปีนห้องเข้าหาสาวที่ถูกใจ ชาวจาป้าเรียกประเพณีนี้ว่า “ผาฝังจื่อ” ซึ่ง แปลตามตัวก็คือ “การปีนห้อง”ถือเป็นรูปแบบการหาคู่และแต่งงานที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวจาป้าทีเดียว
ชาวจาป้าถูกให้คำจำกัดความเกี่ยวกับการแต่งงานว่า “หนานปู้ฉวี่ หนวี่ปู้เจี้ย” แปลว่า หนุ่มไม่แต่งสาว สาวไม่แต่งออก ซึ่งชายหนุ่มสาวชาวจาป้าเมื่ออายุ 17 ปีขึ้นไปก็จะมีอิสระในการหาคู่ ชายชาวจาป้าจึงต้องหัดการปีนกำแพงเพื่อจะปีนเข้าบ้านสาว ถ้าหากคนไหนปีนกำแพงไม่เป็นก็จะถูกคนในเผ่าดูถูกเอา และจะไม่สามารถหาคู่ครองที่ดีได้ ถ้าหนุ่มคนไหนมาหาสาวโดยเข้าทางประตูบ้านก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของคนในบ้าน บางทีอาจจะถึงขั้นถูกไล่ออกมาจากบ้านเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ หนุ่มจาป้าจะปีนเข้าบ้านสาวตอนดึก และต้องออกมาก่อนรุ่งสาง หนุ่มบางคนทุกคืนเดินทางไปหาสาวที่ตนเองหมายปองไกลถึง 5 กิโลเมตร เนื่องจากชาวจาป้าอยู่อาศัยกันค่อนข้างกระจัดกระจาย
การปีนห้อง ของชาวจาป้าไม่ใช่ใครพอใจอยากจะปีนหาใครก็ได้ แต่เขามีกฎเกณฑ์ที่ต้องทำความเข้ากันใจเสียก่อน คือก่อนที่จะเข้าหาสาวตอนกลางคืน ตอนกลางวันหนุ่มจาป้าต้องขอความเห็นชอบจากสาวเสียก่อน แต่ก็ไม่ใช่ด้วยการพูดออกมาตรง ๆ ว่าคืนนี้จะปีนเข้าไปหานะ แต่ต้องหาโอกาสเอาสิ่งของจากสาวที่หมายตาไว้สักชิ้นหนึ่ง อาจจะเป็นที่มัดผม หรืออะไรก็ได้ ถ้าหากสาววิ่งหนีไป โดยไม่เอาของนั้นคืน ก็เป็นสัญญาณว่า คืนนี้ให้มาหาได้ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ทั้งสองฝ่ายต้องไม่มีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกัน หรือเป็นญาติกัน เพื่อป้องกันการผิดปกติของเด็กที่จะเกิดมา