อันดับแรกอยากให้คนไทยอย่างเราๆท่านๆได้ลองอ่านให้จบก่อน ผมพยายามจะจับใจความสั้นๆให้ทุกท่านพอเข้า
---------------------------------------
เรื่องมันมีอยู่ว่า ประเทศรวันดาเป็นประเทศที่อยู่ทางแอฟริกา โดยประชากรพื้นเพดังเดิมแบ่งออกเป็นชนเผ่า3เผ่าได้แก่ เผ่าฮูตูมีจำนวนประชากรคิดเป็น84%ของประเทศ เผ่าตุดซี่มี15เปอเซนต์ ส่วนที่เหลือ1เปอเซนต์เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าวา โดยปกติความสนิทสนมระหว่างเผ่าฮูตูและเผ่าตุดซี่เป็นไปอย่างสงบสุขและสันติ คนสองเผ่าสามารถแต่งงานกัน เป็นเพื่อนบ้านกัน หรือเป็นนายจ้างลูกจ้าง
จนกระทั่งความศิวิไลซ์แห่งชนชาติยุโรปเข้ามาเยือน ทั้งด้านสิ่งก่อสร้าง ศาสนาและความเชื่อ และความเชื่ออย่างหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดมาจากนักบวชคนหนึ่งที่ชาวบ้านขนานนามว่า หลวงพ่อผิวขาว ได้มาเติมความคิดที่ว่า เผ่าตุดซี่นั้นสูงส่งกว่าเผ่าฮูตูยิ่งนัก
เรื่องราวเช่นนี้สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจแก่ชาวฮูตูอย่างยิ่ง แต่ก็ยังไม่ถึงกับแสดงออกถึงขั้นเข่นฆ่ากัน แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีสิ่งใดจะทำลายความเป็นมิตรภาพระหว่างเผ่าพันธุ์ได้เท่ากับ "อำนาจทางการเมือง" ซึ่งเป็นอำนาจที่ใช้ในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแยบยล และที่สำคัญ เมื่อฝ่ายตรงข้ามย่อยยับไปแล้วก็เป็นการทำลาย ความด้อย หรือ ความน้อยเนื้อต่ำใจในเผ่าพันธุ์ ได้ตามความเชื่อของพวกเขา และในช่วงที่เริ่มปกครองกันเอง และมีประชาธิปไตยหลังจากหลุดพ้นจากเงาของเบลเยี่ยม จูวินัล ฮาบิยาริมานา ซึ่งเป็นชนเผ่าฮูตู ได้ขึ้นปกครองประเทศในฐานะประธานาธิบดีในปี ค.ศ.1973 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความขัดแย้งระหว่างเผ่าฮูตูและตุดซี่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และด้วยอำนาจทางการเมืองจึงทำให้เผ่าฮูตูได้เปรียบ เผ่าตุดซี่หมดอำนาจในประเทศและในที่สุดก็เลยจัดตั้งกองกำลังที่มีชื่อว่า Rwanda Patriotic Front[RPF]หรือแนวร่วมผูรักชาตรวันดาขึ้นมา โดยการทำของผู้นำที่เข้มแข็งที่มีชื่อว่า พอล คากาเม
เมื่อรัฐบาลต้องการยืนอยู่ในอำนาจให้ได้นานที่สุดเลยต้องกดดันพวกตุดซี่ในทุกรูปแบบ ความรุนแรงปะทุขึ้นเรื่อยๆจนต้องให้UNเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยให้ แต่ไม่เป็นผล การปะทะกันระหว่างรัฐบาลกับRPFก็ยังดำเนินอยู่ ความรุนแรงมาถึงจุดระเบิดเมื่อเครื่องบินของประธานาธิบดีจูวินัล ที่โดยสารมาพร้อมกับประธานาธิบดีชีพพรีน ทายามิรา แห่งประเทศบุรุนดี(ซึ่งเป็นเผ่าฮูตูเช่นกัน)ถูกยิงตกในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ.1994 ทั้งๆที่ไม่มีรายงานว่าใครเป็นผู้ยิง แต่รัฐบาลฮูตูป้ายความผิดมาให้ฝ่ายตุดซี่เต็มๆ นับตั้งแต่วันนั้น สงครามฆ่าล้างโคตรจึงอุบัติขึ้น ความได้เปรียบทั้งกำลังคนและอาวุธของรัฐบาลมีมากกว่าชาวตุ๊ดซี่ยิ่งนัก การฆ่าจึงเป็นเรื่องง่ายดาย สื่อมวลชนต่างๆถูกควบคุมโดยรัฐบาล ต่างพากันประโคมข่าวให้เกลียดชังชาวตุดซี่มากขึ้น ยั่วยุให้สังหารชาวตุ๊ดซี่และข่มขืน หากใครไม่ทำตามคำสั่งผู้นั้นจะโดนปลิดชีพเสียเอง
มีสถิติที่น่ากลัวขนพองสยองเกล้า คือในตลอด100วันมีการฆ่ากันนาทีละ7คนหรือราว400คนต่อ1ชั่วโมง และ10,000คนต่อวัน รวมผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น1,174,000คน และยังไม่ได้นับรวมผู้ที่สูญหายอีกนับไม่ถ้วน ชาวฮูตูทำการฆ่าชาวตุดซี่ คนแก่ เด็ก ผู้หญิงไม่ใช่ข้อยกเว้นที่พึงมีในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ มิหนำซ้ำยังทำการข่มขืนสตรีเผ่าตุดซี่โดยทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ให้เป็นตราบาปอีกด้วย โดยแนวคิดของชาวฮูตูต่อการกระทำครั้งนี้เสมือนกับสิงโตต่างเผ่าพันธุ์เมื่อมาเจอจ่าฝูงอีกเผ่าจะต้องทำการฆ่าจ่าฝูง เมื่อจ่าฝูงตาย มันก็จะลงมือผสมพันธุ์กับตัวเมียในเผ่า เพื่อขยายเผ่าพันธุ์สายเลือดของมันให้ได้มากที่สุด แต่การกระทำครั้งนี้ต่างกัน เพราะมีคือการกระทำของมนุษย์ และความชั่วร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ชาวฮูตูบางคนติดเชื้อเอดส์ลงมือข่มขืนชาวตุดซี่และปล่อยทิ้งไว้ให้ตายทั้งเป็น
ใช่ว่าชาวตุ๊ดซี่จะไม่ลงมือตอบโต้ กลุ่มRPFลงมือตอบโต้ด้วยการฆ่าเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ฆ่ายกครอบครัวนายกรัฐมนตรีและทหารเบลเยี่ยมอีก10นาย รวมถึงการข่มขืนสตรีชาวฮูตูเช่นกัน บาปก็เลยตกไปอยู่ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
การต่อสู้100วันได้จบลงพร้อมกับกองกำลังRPFของนายพอล คากาเม และขับไล่ชาวฮูตูออกนอกประเทศ ชาวฮูตูต้องกระเสือกกระสนหนีตาย โดยเฉพาะพวก ทหาร และผู้ที่เคยได้รับตำแหน่งทางการเมือง หนีตายไปอยูในประเทศเพื่อนบ้านเช่น ยูกันดา แทนซาเนีย บุรุนดี หรือ ซาอีร์(คองโกในปันจุบัน)และนาย พอลคากาเม ก็ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจนถึงปัจจุบัน
-------------------------------------------------------------------
หลังจากที่ผมอ่านเรื่องนี้จบ มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในประเทศไทยบ้านเรานี่เอง และสรุปในความคิดผมเองก็คือ ประชาชนคนไทยโดนล้างสมอง เติมความคิด และฝังลงในหัวเราทุกคนไม่ว่าจะผ่ายไหนก็ตาม จากไหนนั่นหรือ? จากพวกเราเองทั้งนั้น จากอาจารย์ที่สอนเราบอกว่าฝ่ายนั้นดีอย่างนั้น ฝ่ายนี้เลวอย่างนี้ เอาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองมาใส่ในหัวเด็ก ไม่ใช่เพียงเท่านั้น จากพ่อแม่ที่คิดว่าฝ่ายนั้นดีฝ่ายนี้ดี ปลูกฝังให้ลูก ทำให้ลูกเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองชอบมันต้องถูกเสมอ ยังไม่พอ สื่ออินเตอร์เนตทั้งหลายทุกคอมเม้นที่ประชาชนคนไทยด่าเสียเทเสียใส่กัน ทุกอย่างมันล้วนเป็นการล้างสมองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั้งล้างสมองตัวเอง จากคนดีๆกลายเป็นคนขาดสติ โดนทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยกันสร้างมาปิดบังตา ปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากตัวพวกเราทุกคน สิ่งที่พวกเราที่นั่งอยู่หน้าคอมทำได้ในตอนนี้ มีเพียงการหยุดเท่านั้น หยุดด่าว่า หยุดให้ร้าย หยุดส่งเสริม หยุดพูดถึงเรื่องการเมืองต่างๆไม่ว่าคุณจะชอบจะเกลียดใครก็ตาม เพราะการกระทำเหล่านี้เหมือนการสุมไฟให้มันลุกโหมขึ้น และคงไม่มีใครอยากให้เกิดการฆ่าล้างความคิดกัน ให้เหลือเพียงแต่ผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันเท่านั้นใช่มั้ยครับ รักใครชอบใครให้มีสติ ทุกปัญหามันเกิดจากปัญหาเล็กๆเท่านั้น เพียงแต่เราทำให้มันใหญ่ขึ้นเอง อ่านเรื่องราวข้างต้นแล้วแต่มันคงไม่อาจเป็นบทเรียนของคนไทยได้ แต่ขอให้จำและเกรงกลัวว่ามีประเทศหนึ่งซึ่งประชาชนเคยฆ่าล้างโคตรคนในประเทศเดียวกันถึงล้านกว่าคน เพราะสิ่งที่โง่เง่าที่เรายกย่องเรียกมันว่า อำนาจทางการเมือง