เรียบเรียงโดย Clipmass.com
ในสมัยก่อนนั้นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง หรือ การเล่นเพื่อนนั้น นำไปสู่โศกนาฏกรรมชิงรักหักสวาทของนางใน
โดยในพระบรมมหาราชวัง พ.ศ. 2449 ณ ตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีมีข้าหลวงและนางใน ที่ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดและเครือญาติของพระราชชายาทั้งสิ้น
โดยพระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงเคร่งครัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวล้านนาเป็นอย่างมาก เช่น กุลสตรีทั้งหลายที่อยู่ในตำหนักต้องแต่งตัวแบบชาวเหนือ และเกล้าผมยาวแบบชาวเหนือตลอดเวลา
ทำให้บรรยากาศในบริเวณพระตำหนักของเสด็จพระองค์ท่านเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชาวเหนือ และนอกจากนั้นกุลสตรีเจริญวัยทั้งหลายก็ล้วนสวยสดงดงามตั้งแต่งหน้าตาตลอดจนกิริยามารยาท และความงามของแต่ละนางก็ได้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วในราชสำนัก
โดยมีเจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส เป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ฝ่ายเหนือที่งดงามจนโดดเด่นมากในราชสำนักของพระราชชายา เจ้าหญิงเมืองเหนือองค์นี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจคอเข้มแข็งห้าวหาญแสนงอนและดุดันมากอยู่ทีเดียว
และเรื่องราวโศกนาฏกรรมรักก็เกิดขึ้นในปี 2449 โดยในสมัยนั้น "พวกนางในข้าหลวงตำหนักต่าง ๆ นิยมการเล่นเพื่อน" (ความรักของหญิงกับหญิง) จนกระทั่งเอาทรัพย์สินเป็นของขวัญแลกเปลี่ยนกันไปมามิได้ขาด
ปรากฏว่าเจ้าหญิงยวงแก้วก็มีแฟนเป็นผู้หญิงชื่อ หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ ผู้อยู่ในตำหนักของเจ้านายพระองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวังนั้นเอง
แต่บังเอิญว่าหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพผู้นี้ก็มีแฟนสาวอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง ชื่อ น.ส. หุ่น จึงเกิดศึกชิงหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพขึ้น ระหว่างน.ส.หุ่นกับเจ้าหญิงยวงแก้ว ต่างคนต่างชิงดีชิงเด่น ชิงไหวชิงพริบที่จะเอาชนะกัน
และในขณะที่ชิงดีชิงเด่นกัน น.ส.หุ่นได้ปล่อยข่าวเป็นเชิงใส่ไฟกรอกเข้าหูคนในวังว่า เจ้าหญิงยวงแก้วหลงไหลหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพจนนำของมีค่าที่ได้ประทานจากพระราชชายา ซึ่งเป็นแก้วแหวนเงินทองเพชรพลอยไปปรนเปรอหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพเสียหมดสิ้น
จนในที่สุดเรื่องก็แดงขึ้นรู้กันไปทั่วเขตราชฐานฝ่ายใน ไม่นานเรื่องก็ถึงหูของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระองค์ทรงกริ้วเจ้าหญิงยวงแก้วอย่างรุนแรงและให้เอาของมาคืนพระองค์ให้หมด ทั้งยังให้กลับนครเชียงใหม่ให้เร็วที่สุด
เรื่องนี้ได้สร้างความอับอายให้ เจ้าหญิงยวงแก้วเป็นอย่างมากและที่สำคัญอายต่อเพื่อนๆข้าหลวงนางในจนไม่กล้าที่จะออกไปไหนมาไหน ทำให้เจ้าหญิงเกิดความกลุ้มใจเป็นอย่างมาก2–3วันต่อมาในคืนนั้นเองเจ้าหญิงยวงแก้วได้ นอนปรับทุกข์กับ เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ เพื่อนร่วมตำหนักแต่แล้วหลังจากเจ้าหญิงบัวชุมได้นอนหลับสนิทนั้นเอง..
เจ้าหญิงยวงแก้วจึงได้หาข้อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนให้โลกได้รับรู้ว่าตนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์มิได้กระทำดั่งข้อกล่าวหา เจ้าหญิงยวงแก้วจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนตึกพระตำหนักชั้นบนสุด แล้วกระโดดลงมาอย่างไม่กลัวตาย ด้วยน้ำใจอันเด็ดเดี่ยว เพื่อให้โลกรู้ว่า “ข้ามิได้ทำผิดดังคนแกล้งใส่ความ”
ในคืนนั้นเจ้าหญิงยวงแก้ว ถูกหามนำตัวไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลฝรั่ง ทางประตูผีท้องที่อำเภอสำราญราษฎร์และได้ถึงแก่ความตาย ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น.. ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "คลังประวัติศาสตร์ไทย"