เรียบเรียงโดย Clipmass.com
นี่คือเรื่องราวตำนานลึกลับซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันในประเทศอเมริกา เมื่อศตวรรษที่ 19 มีชายคนหนึ่งออกเดินทางด้วยเท้าในสภาพชุดหนังที่เย็บติดกัน โดยเขาเดินวนเวียนไปตามเส้นทาง Westchester Country ทางตอนใต้ของเมืองนิวยอร์ก จนถึง Connecticut ตะวันตก โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร...? แต่ทุกคนเรียกขานเข้าว่า "มนุษย์ชุดหนัง"
โดยการเดินทางของเขานั้นสามารถแสดงเส้นทางได้ตาม "เส้นทางสีเขียว" ที่เห็นดังภาพ ซึ่งรวมกันแล้วเป็นระยะทางกว่า 365 ไมล์เลยทีเดียว ซึ่งเขาใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าไปเรื่อยๆ และจะกลับมาที่จุดเดิมในทุกๆ 35 วัน โดยเขาทำเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว และยังไม่มีใครรู้จักเขาเลยแม้แต่คนเดียว
และในระหว่างการเดินทางของเขา มักจะมีชาวบ้านชาวเมืองที่คุ้นหน้าเขาดี และเมื่อเห็นเขาเดินทางมาปุ๊บก็จะทำการแบ่งอาหารให้กับเขา มีหลายคนด้วยกันที่สงสัยว่าเขาเป็นใคร และพยายามจะสอบถาม แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ได้ช่วยไขข้อสงสัยเลย เพราะเขาเป็นคนพูดน้อยมาก ทั้งภาษาเขาพูดออกมานั้นแทบจะไม่มีภาษาอัวกฤษเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังมีสำเนียงออกไปทางฝรั่งเศสอีกด้วย
แต่มีคนสังเกตเห็นว่าเขาพกหนังสือบทสวดภาษาฝรั่งเศส ทั้งยังปฏิเสธการกินเนื้อทุกวันศุกร์อีกด้วย จึงเป็นที่แน่ใจกันว่าเขาน่าจะเป็นคนฝรั่งเศส และนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคอย่างแน่นอน
และด้วยความสงสัยของคน จึงมีคนแอบเดินตามเขาไป และพบว่าเขาอาศัยอยู่ในถ้ำเล็กๆ ภายในป่าบริเวณ Watertown, Connecticut ดังนั้นทุกคนจึงเรียกถ้ำนี้ว่า "ถ้ำมนุษย์ชุดหนัง"
นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวมากอีกด้วย เพราะถ้าเขาจับได้ว่ามีคนแอบถ่ายรูปของเขา เขาจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก และหลังจากที่เขาหายตัวไป ก็มีผู็คนจำนวนมากเป็นห่วงสุขภาพของเขาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาเดินทางตากสภาพอากาศมากมาย โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาโดนจับกุมตัวเพื่อทำการรักษาสุขภาพ แต่เขากลับหนีออกมาจากที่นั่น
และในช่วงหลังสุขภาพของเขาก็เริ่มทรุดลง จนเป็นโรคมะเร็ง โดยเห็นได้จากความผิดปกติของริมฝีปากที่มาจากการสูบบุหรี่เรื้อรัง และบาดแผลทั่วร่างกายที่มาจากการเดินทางนั่นเอง จนสุดท้ายเขาก็เสียชีวิต และมีคนพบร่างของเขาในถ้ำบริเวณ Ossining เมืองนิวยอร์ก
โดยศพของเขาถูกฝังไว้ในชื่อ Jules Bourglay เนื่องจากไม่มีใครทราบชื่อของเขาเลย แต่เล่ากันว่าเดิมนั้นเขาเป็นพ่อค้าขายหนังสัตว์จากฝรั่งเศสที่เข้ามาทำการค้ายังประเทศนี้ แต่แล้วเขากลับต้องสูญเสียทุกอย่างรวมทั้งเจ้าสาวของเขาด้วย นอกจากนี้บนหลุมศพของเขายังมีการสลักปี 1858 - 1889 เอาไว้อีกด้วย ซึ่งเป็นปีที่เขาออกเดินทางเร่ร่อนนั่นเอง
แต่แล้วในปี 2011 มีนักประวัติศาสตร์ได้ทำการขุดหลุมศพเขาขึ้นมา เพื่อหาเบาะแสที่หลงเหลือเกี่ยวกับตัวเขา แต่น่าเเปลกมาก เพราะภายในโลงกลับว่างเปล่า มีเพียงแค่เศษตะปูที่ใช้ตอกโลงเท่านั้น และไม่มีวี่แววของศพเลยแม้แต่น้อย...จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องราวของเขาอย่างชัดเจน
ข้อมูลและภาพประกอบจาก