เรียบเรียงโดย Clipmass.com
วันนี้ Clipmass จะพาคุณมารับรู้เรื่องราว "การสวิงกิ้งในไทย ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง" ซึ่งเป็นเรื่องราวเหลือเชื่อที่หลายคนอาจไม่เคยรับรู้กันมาก่อนเลย เพราะไม่คิดว่าสังคมไทยที่เคร่งครัดในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีจะมีเรื่องราวเช่นนี้อยู่จริง แต่เชื่อเถอะว่า "การสวิงกิ้ง" หรือ "เซ็กส์หมู่" นั้น เป็นเรื่องราวที่อยู่คู่สังคมไทยมาเป็นเวลายาวนาน
โดยมีบทความแปลจากหนังสือเล่มหนึ่งได้มีการบันทึกการสวิงกิ้งของทางฝั่งยุโรปไว้ว่า "การสวิงกิ้งในยุโรปมีมานานมาก ตั้งแต่ยุคสงครามที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไปรบ บางคนกลัวเมียมีชู้ก็ใส่เข็มขัดกันชู้ไว้ ให้คนใกล้ชิดดูแลแทน หรืออาจจ้างคนที่ไม่ได้ไปรบ หรือคนที่ไว้ใจได้ให้มาปรนนิบัติแทน
ส่วนฝ่ายทหารที่ออกไปรบถ้าปล้นสะดม หรือเข้าตีเมืองไหนได้ หากมีเชลยหญิงก็ได้แก้ขัดกันไป ถูกแม่ทัพใจดีก็ได้แบ่งกันไป บางคนเก่งมีนางทาสเชลยสงครามหลานก็แบ่งบันเพื่อนฝูงลูกน้องกันไป แม้ฝ่ายหญิงจะไม่เต็มใจเพราะเป็นเชลย แต่ก็ต้องรับกรรมด้วยความกลัวตาย สุดท้ายก็มีความสุขด้วยกัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เข้าใกล้การสวิงเป็นอย่างมาก"
แต่ของเมืองไทยไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน เนื่องจากสมัยก่อนในเมืองไทยมีกฎหมายห้ามผู้ใดผิดลูกผิดเมียคนอื่น แต่ในหนังสือต่วยตู นพิเศษ ฉบับที่ 189 ปีที่ 16 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2533 ได้มีการกล่าวถึงการฉีกประเพณีไว้ว่า
"จากการบันทึกของ นายลูโดวิโค วาร์เทมา นักเดินเรือและนักผจญภัยชาวอิตาลี ที่เดินทางมาค้าขายในแถบเอเชีย ตรงเข้ามาไทยที่เมืองท่าสำคัญของอยุธยาคือ เมืองตะนาวศรี ในช่วงอยุธยาตอนกลาง ปี พ.ศ.2058 (ค.ศ.1415) ในสมัยที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่2 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงติดต่อค้าขายกับต่างชาติ"
นายวาร์เทมาบันทึกไว้ว่า สภาพของผู้หญิงในตะนาวศรีมีฐานะด้อยกว่าชายมาก มีหน้าที่เป็นเพียงเมีย ลูกและบำเรอกามเท่านั้น ไม่มีบทบาททางสังคมอะไรมาก ผู้ชายมีเมียได้หลายคน สามารถหาซื้อเมียได้หลายคนถ้ามีเงิน และคนที่มีเงินก็ไม่พ้นขุนนาง พ่อค้า ผู้สูงวัย สาวที่ถูกซื้อก็ต้องอายุน้อย น่ารัก บางคนอายุเพียง12 ปี ก็โดนขายไปแล้ว
นอกจากนี้เขายังพบว่าในเมืองไทยมี "ประเพณีเปิดพรหมจารีเจ้าสาว" ของคหบดีที่เมียเยอะ โดยคนเหล่านั้นจะเลือกสาวน้อยมาแต่งงานด้วยหลายคน ความที่เด็กยังเล็กการจะสอดใส่ทำลายพรหมจารีเด็กนั้นมันน่าเบื่อหน่ายไม่สนุกด้วยเพราะความหนืด ความฟิต ก็เลยมีการจ้างชายอื่นให้มาเบิกพรหมจารีแทน เพื่อสามีจริงๆ จะได้เข้าไปร่วมต่อในภายหลังอย่างสนุกสนานไม่ลำบากในการบุกเบิก
ซึ่งในการจ้างผู้ชายที่มาเปิดพรหมจารีนั้น จะทำการเลือกคนที่มีร่างกายใหญ่โตกำยำแข็งแรง ดังนั้นหนุ่มต่างชาติโดยเฉพาะชาวเรือชาติโปรตุเกส ผิวขาวผมทองตาสีฟ้าจึงเป็นที่นิยม พอๆ กับพวกแขกมัวร์ที่หน้าตาดุร้ายแข็งแรง เพราะเชื่อว่ามีพละกำลังในการเบิกพรหมจรรย์
ดังนั้นนายวาร์เทมา และเพื่อนจึงถูกพ่อค้าเชิญให้ไปช่วยทำลายพรหมจารีของเจ้าสาว ซึ่งในตอนแรกที่ถูกชวนนั้นเขาและเพื่อนก็เขินอายจนหน้าแดง แต่พ่อค้าบอกกับสองหนุ่มว่าไม่ควรรู้สึกอายอะไร เพราะเป็นประเพณีของเมืองตะนาวศรี ดังนั้นเขาและเพื่อนจึงยินดีที่จะทำตามคำเชื้อเชิญของพ่อค้า
โดยนายวาร์เทมาเล่าว่า เด็กสาวที่เป็นเจ้าสาวนั้น เป็นคนผิวคล้ำแต่กลับสวยงามและน่ารักเป็นที่ตื่นตาตื่นใจมาก และเมื่อเวลามาถึงเขาก็บรรจงทำหน้าที่ของเขาทั้งคืนอย่างดียิ่งจนกระทั่งรุ่งเช้า พอสำเร็จภารกิจรุ่งเช้าพ่อค้าก็เชิญฝรั่งทั้งสองออกจากบ้านไปเพราะได้ทำหน้าเสร็จแล้ว หากอยู่ต่อก็จะผิดจารีตประเพณี ซึ่งลักษณะพฤติกรรมแบบนี้เข้าข่ายสวิงกิ้งแบบนัดชายเดี่ยวมาสนุกกับเมียโดยไม่มีความหึงหวงแต่ประการใด
นี่ก็เป็นอีกหนึงเรื่องราวความพิสดารที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีประเพณีแปลกประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นจริงในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ในสมัยนั้นยังปรากฎพฤติกรรมพิสดารในการมีเซ็กส์อีกมากมายอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ทั้งสิ้น
ข้อมูลและภาพประกอบจาก "Saboojaii.com"