หลายปีที่ผ่านมา ผู้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ยิ่งในช่วงปีหลังๆ มานี้ กระแสการ “กินคลีน” ได้กลายเป็นที่นิยมที่เติบโตตีคู่กันมากับเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ ซึ่งนำไปสู่การก่อเกิดของร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ และร้าน “ใบเมี่ยง” ก็คือหนึ่งในนั้น
จากร้านเล็กๆ ที่เปิดขึ้นมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ด้วยความคิดแบบธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ปัจจุบัน ร้านใบเมี่ยงขยับขยายตัวเองเพิ่มไปแล้วถึงสี่สาขา ขณะที่จำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่นิยมทั้งในหมู่ดารา-คนดังของสังคม ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไปผู้หันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพ
“จุดเริ่มต้น มาจากการที่เจ้าของร้านไปอยู่ต่างประเทศมานานถึงสิบสองปี ทั้งออสเตรีเลีย สิงคโปร์ ฮ่องกง แล้วก็ได้ไปเห็นสินค้าออร์แกนิกส์ที่โน่น ซึ่งราคาไม่แพง แม้แต่เป็นนักศึกษาก็ซื้อได้” เภสัชกรศิริวัฒน จันทร์กวี ผู้จัดการร้านใบเมี่ยง บอกเล่าถึงที่มา
“แต่พอกลับมาเมืองไทย ก็อยากจะกินของที่เคยกิน อยากจะใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์ แล้วพอเข้าไปในร้านออร์แกนิกส์ส่วนใหญ่ เห็นราคาแล้วก็ช็อกไปเลย คือประมาณว่าทำไมมันแพงจัง ซึ่งสินค้าบางตัวที่ต่างประเทศราคาถูกกว่ามาก แต่ที่ไทยเรากลับไม่มีขาย นี่ก็จึงเป็นที่มาอย่างหนึ่งของการเปิดร้าน เหมือนกับว่าเราใช้เอง ทานเอง เราก็เลยเปิด”
แน่นอนว่า “ราคา” เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้ร้านใบเมี่ยง เป็นที่รักเป็นที่ชอบใจของลูกค้าแทบทุกระดับ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์เป็นสิ่งที่ไม่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึงสำหรับคนที่มีรายได้ต่างกัน
“ที่ต่างประเทศ พวกร้านโฮลฟู้ด เขาจะมีคอนเซปต์เลยว่าเป็นฟาร์เมอร์เฟรนด์ลี่ การที่ร้านใบเมี่ยงสามารถขายสินค้าในราคาที่พอซื้อได้ ไม่แพง ใบเมี่ยงก็ต้องมีการดีลโดยตรงกับฟาร์เมอร์แล้วเราก็เฟรนด์ลี่กับฟาร์เมอร์ หลักการแรกสำหรับเราก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้คน ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์เล็กๆ หรือว่าเป็นชาวนา สามารถเข้าถึงเราได้ เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ซื้อในราคาที่ไม่แพง เรื่องเรตราคาสินค้าของเรา ก็มีตั้งแต่ยี่สิบบาท จนถึงเป็นพันขึ้นไป ร้านใบเมี่ยงไม่ได้เน้นขายของถูกที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าร้านที่แพงที่สุด แต่เราจะเน้นสินค้าที่เราคิดว่ามีประโยชน์
“อันที่สอง เราเชื่อว่า เราให้สินค้าที่ดีที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วให้กับลูกค้า แล้วลูกค้าเขาก็เชื่อว่าเราให้สิ่งที่ดี จุดที่สามคือเราให้ความรู้กับลูกค้า เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นเภสัชกรด้วย บางทีคนซื้อเขาไม่รู้ว่าใช้อะไรยังไง เราก็ใช้ความรู้ที่เรามีอธิบายให้แก่คนซื้อได้ด้วย แม้แต่บางที เราไปซื้อตามร้านใหญ่ๆ เขาก็จะไม่บอกด้วยซ้ำว่ามันมีสรรพคุณอะไร คนก็จะงงและทำไม่ถูกหรือไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร
“ไม่ใช่แบบวิชาการจ๋า แต่เขาสามารถเข้าถึง เข้าใจได้ อีกทั้งพนักงานแต่ละคนก็จะมีการเทรนด์ พูดได้ทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เพราะคนเดินเข้ามา ไม่รู้ซื้ออะไร เพราะมันมีหลายอย่าง เพราะฉะนั้น เราต้องเป็นคนที่ให้ความรู้แก่ลูกค้าได้ด้วย”
เภสัชกรศิริวัฒน จันทร์กวี ผู้จัดการร้านใบเมี่ยง
ในส่วนของหมวดหมู่สินค้า ตามเจตนารมณ์ของเจ้าของร้าน คืออยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนอยู่ในโลกปกติเวลาเดินเข้าไป ไม่ใช่แปลกแยกเหมือนเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง ดังนั้น สินค้าในร้านก็จะมีแทบทุกหมวดที่จำเป็นต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เพียงแต่เพิ่มคุณค่าความสำคัญลงไป คือการใส่ใจในด้านสุขภาพของผู้ใช้ ผู้รับประทาน
“เราพยายามมีทุกเซ็กเมนต์ แต่พูดตามตรง มันมีสินค้าเยอะมาก แล้วเราก็เลือกสองสามแบรนด์ต่อหนึ่งอย่าง แต่ถ้าจะแบ่งก็เป็น food กับ non-food ฟู้ดก็จะเน้นอาหารคลีน เน้นสลัด สลัดก็ต้องเป็นสลัดปลอดสารพิษ แล้วก็จะมีขนม ขนมปัง น้ำผักผลไม้ นมออร์ม่อน นมควินัวร์ ควิกโยเกิร์ต เน้นโปรตีนสูง เพราะคนเดี๋ยวนี้เขาเน้นลดน้ำหนักแต่ก็ยังต้องการโปรตีนสูง ควิกโยเกิร์ตก็จะเป็นตัวที่ช่วยเรื่องโปรตีนได้แล้วก็ยังเพิ่มเมตาบอลิซึ่มด้วย ขณะที่ Simply Raw Food จะเป็นสินค้าตัวหลักๆ ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามา เพราะว่าจะหาซื้อครบทุกอย่างเหมือนที่ร้านใบเมี่ยง คงยากมาก เพราะเรามีเกือบทุกตัว”
ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการเดินทาง ยังมีตัวเลือกในการสั่งซื้อสินค้ากับทางร้านให้ด้วย และถ้าส่งไปแล้ว สินค้าบูดหรือเสียหาย สามารถส่งคืนได้หมด
ในท้ายที่สุด เพราะมีดีกรีเป็นถึงเภสัชกร ร้านใบเมี่ยงจึงเลี่ยงที่จะขายผลิตภัณฑ์บางชนิดที่แม้จะฮิตติดกระแต่ แต่เพราะเห็นว่าไม่ดีต่อสุขภาพ ก็จะไม่หยิบจับมาส่งต่อถึงผู้บริโภค
“เราต้องยอมรับว่า คนไทยไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะกลัวเรื่องอ้วน เรื่องไม่ขาว เนื่องจากว่าแรงกดดันจากสังคม ดังนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการมีหุ่นดี ผิวสวย จะขายดี แต่ว่าเรื่องสุขภาพดีไว้ทีหลัง เหมือนไม่ได้สนใจสุขภาพจริงจัง แต่ถ้าบอกว่าผิวสวย หุ่นดี ขายได้ทุกอย่าง
“แต่ที่ร้านของเรา เราจะไม่ขายเลยพวกกลูต้าไธโอน เพราะเรารู้ว่ามันเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว และต่อให้เรากินเข้าไป มันก็ย่อยสลายหมด ไม่สามารถดูดซึมได้ เราก็จะไม่ขาย แล้วก็หลายๆ ตัว อย่างเช่น มีอะไรทานแล้วขาวบ้าง เราก็จะไม่ขาย เราจะไม่มีโซลูชั่นแบบว่า คุณกินแล้วขาวในเจ็ดวัน เราจะไม่มี คุณกินแล้วผอมในหนึ่งเดือน เราไม่มี แต่ทั้งหมดจะเป็นกลุ่มคนที่รักสุขภาพจริงๆ ที่มา แล้วอีกกลุ่มหนึ่งก็คือคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ อย่างคนไข้โรคมะเร็งก็มาที่ร้านของเราเยอะมาก”
นั่นย่อมสะท้อนให้เห็นถึงชื่อเสียงด้านดีของร้านที่ให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าได้ สี่สาขาที่เกิดขึ้น ทั้งที่เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์, เรนฮิลล์ สุขุมวิท 4, พระราม 2 และ พอโต้ ชิโน่ มหาชัย ก็ล้วนมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นเชื่อใจ
“ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะดังอะไรอย่างนั้นเลยนะ แค่มองว่าเราอยากจะกินเองและเราอยากแบ่งปันให้คนอื่นๆ ได้ทานด้วย เหมือนร่วมอุดมการณ์กัน ตัวเองก็พยายามรักษาคุณภาพ ดูแลลูกค้า เพราะเราไม่ชอบเวลาไปร้านไหน เราจะไม่ชอบเลย ถ้าไม่ดูแลลูกค้าดีๆ”
ขอบคุณสถานที่ : ร้านใบเมี่ยง สาขาเดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ โทรศัพท์.02-863-8576