เรื่องมหัศจรรย์เหนือการพิสูจน์ : ฝันบันลือโลกแห่งศตวรรษ

 

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ไบรอน โซมส์ นักข่าวหนังสือพิมพ์ แห่งสำนักพิมพ์บอสตันโกลบ เมืองบอสตัน กำลังนอนหลับและฝันร้ายอยู่ในที่ทำงานของเขา ห่างออกไปอีกประมาณ 1,200 ไมล์ จากดินแดนอีกซีกหนึ่งของโลก คือ ซันดาสเตรทในอินโดนีเซีย เวลากลับเป็นเช้าวันจันทร์ และกำลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

นั่นคือการระเบิดครั้งมหาวินาศของภูเขาไฟแคร็กคะตัว ซึ่งระเบิดก้องกัมปนาทขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1883


ก่อนหน้านี้เจ็ดร้อยกว่าปี ภูเขาไฟมหาประลัยลูกนี้ เคยระเบิดเกาะใหญ่แห่งอินโดนีเซียมาแล้ว ความร้ายกาจในครั้งนั้นฉีกเกาะสุมาตราออกจากกันเมื่อ ค.ศ. 1115

สำหรับการระเบิดในครั้งนี้ก็ร้ายกาจพอๆกัน ความหายนะอันเกิดขึ้นแต่ภัยธรรมชาตินั้น เมื่อมองจากที่สูงลงมา ภูเขาไฟจะเริ่มพ่นควันสำลักอยู่ใต้ดินก่อน แล้วส่งเสียงคำรามกึกก้องกัมปนาทขึ้นเป็นเชิงเตือน ตกกลางคืน ภูผามหาภัยก็เริ่มสาดก้อนหินจากปากปล่องของมันลงสู่ตัวเกาะ สะพานหลายแห่งหักสะบั้น ถนนหลายสายเสียหายหมดสิ้น เรือต่างๆรีบหนีออกไปกลางทะเลโดยเร็วที่สุด เพื่อหลบห่าก้อนหินร้อนๆ แรงระเบิดมหาประลัยทำให้ นํ้าทะเลปันป่วนโดย รอบเกาะ อุณหภูมิของนํ้าร้อนสูงถึง 65 ดีกรีในฉับพลันทันที


ครั้นตกถึงบ่ายวันที่ 26 ภูเขา ไฟขนาดใหญ่ชื่อ "มหาเมรุ" ซึ่งใหญ่ ที่สุดในชวา ก็เข้าร่วมขบวนการระเบิด นี้ด้วย ต่อมาก็มีภูเขาอีกลูกชื่อ "กุหนุงกันเตอร์" ระเบิดตามขึ้น และแล้วต่อมาอีก 2-3 ชั่วโมง พืดภูเขาไฟทั้งหมดใน กาดังส์ ของชวา ก็ระเบิดพร้อมๆกันอย่างดุเดือดที่สุดในประวัติการณ์


การระเบิดอันเปรียบเสมือนปืนกลนรก ปฏิบัติงานกันอย่างครบชุด ยังความวิบัติอย่างเหลือพรรณนาแก่โลกซีกนี้ ทะเลเดือดพล่านเหมือนนํ้าในกระทะทองแดงอยู่รอบเกาะมหาวิบัติ ผิวโลกสั่นสะเทือนไปทั่ว ตกกลางคืนท้องฟ้ากลับสว่างโพลงด้วยแสงจากภูเขาไฟอันคุพล่าน 15 ลูก ซึ่งส่งเสียงคำรณคำรามกึกก้องอย่างพร้อมเพรียงกัน

ทันใดนั้น แรงระเบิดใหญ่หลวงที่สุดก็เกิดขึ้น มันรุนแรงร้ายกาจเสียจนไม่รู้จะอธิบายให้ตรงกับความเป็นจริงได้อย่างไร เกาะแคร็กคะตัวทั้งเกาะ พลันอันตรธานวับไปทันทีทันใด ด้วยแรงระเบิดมหาวินาศเพียงตูมเดียว ยังความสั่นสะเทือนให้เกิดแก่โลกทั้งลูกโดยทั่วกัน คลื่นอากาศปั่นป่วนไปรอบพิภพ คลื่นในมหาสมุทรทำลายชีวิตผู้คนนับเป็นหมื่นคนเหล่านั้น บางพวกก็อยู่ ห่างเกาะแคร็กคะตัวออกไปหลายร้อยไมล์

ไม่มีความพินาศครั้งใด รุนแรงเท่าครั้งนี้ เท่าที่เผาพันธุ์มนุษยชาติจดจำมา



ณ เมืองบอสตัน ในคืนอันอบอ้าวแห่ง เดือนสิงหาคม 1883 ไบรอน โซมส์ ผวาตื่นจากฝันร้าย พรวดพราดลุกขึ้นนั่ง ด้วยใจเต้นโครมคราม ในหูยังคงกึกก้องด้วยเสียงกรีดร้องระงม ของผู้ประสบมหันตภัยบนเกาะเล็กๆ ในเขตร้อนแห่งนั้น พร้อมทั้งเสียงแผดคำรณคำรามเหมือนนรกแตกก็กัมปนาทอยู่เต็มสองหู เสมือนหนึ่งว่าเขาได้ไปเผชิญหน้าเหตุการณ์ร้ายนั้นด้วยตัวเองมาแล้วจริงๆ

โซมส์พยายามรวบรวมสมาธิ บังคับจิตใจให้สงบ เขายอมรับว่า ความฝันนั้นถนัดชัดเจนเหมือนไม่ใช่ความฝันเลย ครั้นระงับอารมณ์ได้บ้างแล้ว เขาก็ดึงสมุดโน้ตและปากกาออกมา ลงมือเขียนบันทึกเหตุการณ์วิบัติในความฝันลงไว้อย่างละเอียดลออ ในท่วงทำนองการเขียนข่าวที่เขาถนัด สาเหตุที่บันทึกไว้เช่นนี้ก็เพราะคิดว่ามันอาจเป็นประโยชน์ต่อการเขียนข่าวของเขาในภายหน้า โซมส์หมายเหตุไว้ด้วยว่า "สำคัญมาก" แล้วเก็บบันทึกนั้นไว้ในโต๊ะทำงาน ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นกลับบ้าน

เนื่องจากวันนั้นทั้งวัน โซมส์ไม่ได้เขียนข่าวอะไรเลย เมื่อเพื่อนร่วมงานไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานดูในระหว่างที่เขาไม่อยู่ ก็พบบันทึกเหตุการณ์มหาวินาศบนเกาะแคร็กคะตัวเข้า เขาผู้นั้นก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นรายงานข่าวแผ่นดินไหวที่ใดสักแห่งหนึ่งเป็นแน่ แต่...


ผู้ตรวจข่าวเมื่อเห็นเข้าแล้วก็นึกพิศวงว่ามันเกิดขึ้นที่ไหนกันเล่า ในเมื่อยังไม่มีข่าวร้ายเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย

การส่งข่าวข้ามประเทศและข้ามทวีปในสมัยนั้นยังไม่รวดเร็วฉับพลันเหมือนสมัยนี้ จึงมีข่าวจากปัตตาเวีย (เมืองหลวงของอินโดนีเซียในสมัยนั้น) ว่าได้เกิดมหาภัยธรรมชาติขึ้นที่เกาะแคร็กคะตัว แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านั้นอีก

แล้วหนังสือพิมพ์บอสตันโกลบฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม ก็ลงข่าวชิ้นเยี่ยม ซึ่งได้มาจากรายละเอียดที่โซมส์จดไว้ กลายเป็นข่าวเกรียวกราวขายดิบขายดีมาก ทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆพากันลงตามบอสตันโกลบด้วย เลยกลายเป็นข่าวใหญ่ที่เกรียวกราวไปทั้งเมืองทีเดียว


แต่เกิดมีนักข่าวหูไวคนหนึ่งดอดไปรู้ว่า ข่าวทั้งหมดของ บอสตันโกลบได้มาจากความฝันของนักข่าวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่รีรอเลยที่จะเสนอข่าวออกไปตามความเป็นจริง

ผลก็คือ เจ้าของสำนักพิมพ์บอสตันโกลบ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง และคาดคั้นจะเอาเรื่องกับโซมส์ให้ได้ นักข่าวหัวเห็ดแทบเสียสติในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และยอมรับตามตรงว่า ข่าวทั้งหมดที่เกรียวกราวอยู่นั้น เป็นรายงานความฝันที่เขาจดบันทึกไว้เท่านั้นเอง เพื่อนนักข่าวของเขามาหยิบไปให้หัวหน้าข่าวลงพิมพ์โดยไม่ได้ตั้งใจแท้ๆ เขาเองไม่เคยคิดจะให้มันกลายเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเลย

คำสารภาพของโซมส์ ทำให้คณะบรรณาธิการบริหารของบอสตันโกลบ ฝันร้ายไปตามๆกัน เมื่อทราบว่าตนได้ลงพิมพ์ ความฝันเรื่องหนึ่งอย่างเป็นตุเป็นตะ ราวกับมันเป็นความจริง แถมยังพลอยให้หนังสือ พิมพ์อื่นๆลอกไปลงอีกด้วย ไบรอน โซมส์ จึงตกอยู่ในภาวะคับขัน ถึงขนาดจะถูกไล่ออกจากงานทีเดียว

แต่ก่อนที่บอสตันโกลบจะสารภาพผิดกับผู้อ่านในเรื่องที่เกิดขึ้น ธรรมชาติก็ดูเหมือนจะเอื้ออารีต่อโซมส์บ้าง คลื่นมหายักษ์เริ่มกวาดมาทางแถบชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา มันเป็นคลื่นแผ่นดินไหวที่ขยายตัวมาจากการระเบิดของภูเขาไฟแคร็กคะตัว ซึ่งอยู่ไกลออกไปพันกว่าไมล์ นั่นเอง ข่าวความพินาศใหญ่หลวงนี้ เริ่มทยอยกันส่งเข้ามายังประเทศนี้ ในขณะที่ผู้สื่อข่าวทั่วโลก พากันเดินทางไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ปรากฏตามข่าวจากโทรเลข ซึ่งส่งเข้ามาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าว่า เหตุการณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามความฝันของไบรอน โซมส์ ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่ตอนเดียวอย่างน่าพิศวงที่สุด !


แล้วนักข่าวหนุ่มผู้จวนเจียนจะถูกไล่ออกจากงาน ก็กลับได้รับการยกย่องนับหน้าถือตาจากหนังสือพิมพ์ที่เขาทำงานอยู่อย่างผิดคาด ทุกคนทึ่งต่อตัวโซมส์ พอๆกับทึ่งความฝันของเขาทีเดียว

ในความฝันอันเหลือเชื่อนั้น ไบรอน โซมส์ ผู้นอนหลับอยู่ในเมืองบอสตัน ได้เห็นเหตุการณ์มหาภัยพิบัติที่เกาะแคร็กคะตัว ซึ่งอยู่ห่างกันครึ่งโลก ในเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุเรื่องร้ายกำลังอุบัติอยู่จริงๆ

ที่ประหลาดยิ่งกว่านั้นก็คือ ในระหว่างที่เกิดเหตุ โซมส์มองเห็นคำว่า "ประเลป" (Pralape) อย่างชัดเจน ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะไม่รู้ความหมายอย่างหนึ่ง และเห็นว่าเป็นคำเหลวไหลอีกอย่างหนึ่ง แต่ต่อมาอีกหลายปีให้หลัง สมาคมประวัติศาสตร์แห่งฮอลันดา แถลงว่า คำว่า "ประเลป" เป็นภาษาพื้นเมืองโบราณของชวา ที่ใช้เรียกชื่อภูเขาไฟแคร็กคะตัว แต่ไม่มีใครเรียกชื่อนี้มานานร่วม 200 ปีแล้ว ก่อนหน้าที่ไบรอน โซมส์ จะมาได้ยินในความฝันบันลือโลกของเขาครั้งนี้ !

Credit: นสพ.ไทยรัฐ และhttp://www.artsmen.net
15 พ.ค. 53 เวลา 17:46 4,667 11 1,370
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...