10 สิ่งใกล้ตัวที่ผีเฮี้ยนที่สุด

ในชีวิตประจำวันของเรานั้นเรามีของใช้มากมายรอบๆตัวเรา บางอย่างเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งของมือ 1 หรือสิ่งของมือ 2 ก็อาจจะมีประวัติที่เราอาจไม่รู้... ไม่แน่นะว่าสิ่งของที่อยู่รอบๆตัวคุณอาจจะมีอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้
10. “เเมนดี้”


“แมน ดี้” ถูกหญิงสาวผู้หนึ่งบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งในตอนนั้นสภาพของเธอแทบจะดูไม่ได้เลย เสื้อผ้าก็กะรุ่งกะริ่งแถมร่างกายก็มีรอยฉีกขาดอยู่เต็มไปหมด
เจ้า ของเดิมของ “แมนดี้” เล่าว่า เธอมักจะตื่นมากลางดึกพร้อมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้สะอึก สะอื้นจาก ห้องใต้ดิน เธอจึงเดินตามหาเสียงร้องโหยหวนนั้นไป แต่กลับพบเพียงหน้าต่างที่เปิดทิ้ง
ไว้ ทั้งๆที่เธอปิดหน้าต่างไว้ดีแล้ว แต่หลังจากที่ผู้บริจาคยก “แมนดี้” ให้กับพิพิธภัณฑ์ เธอก็ไม่เคยได้ยินเสียงร้องนั้นอีกเลยหลาย คนมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ยังบอกด้วยว่า พวกเค้าเคยเห็น “แมนดี้” กะพริบตาและจ้องมอง
พวกเค้า ส่วนเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ก็มักจะเห็นเธอไปโผล่อยู่ตามห้องต่างๆ
9. ตุ๊กตา แอนนาเบล


ในปี 1970 มีคุณแม่ใจดีผู้หนึ่งซื้อตุ๊กตา “เร็กเกดี้แอนด์” ขนาดเท่าเด็ก 4 ขวบ (ที่มีผมเป็นไหมพรมสีแดงและใส่ ชุดเอี้ยม) เป็นของขวัญวันเกิดให้กับลูกสาวของเธอ
ซึ่งนั่นคือจุด เริ่มต้นของความอาถรรพณ์ระดับตำนาน “แอนนาเบล”เป็นตุ๊กตา ที่มีความชั่วร้ายมาก จนต้องนำไปขังไว้ในกล่องแก้วที่พิพิธภัณฑ์ “ออ คคัลท์” ของ “เอ็ด วอร์เรน” ชายผู้หลงใหลในเรื่องเหนือธรรมชาติเรื่อง เล่ากล่าวไว้ว่า “เอ็ด” ได้ตุ๊กตาตัวนี้มาจากบาทหลวงที่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเค้าเนื่อง จากมีพยาบาลสาว 2 คน “ดอนน่า”และ “แองจี้” ได้เจอกับวิญญาณของคนที่สิงสู่อยู่ในร่าง
ตุ๊กตาที่แม่ของ “ดอนน่า” ซื้อให้เป็นของขวัญ พยาบาล ทั้ง 2 คน เล่าว่า “แอนนาเบล” ย้ายที่ไปเรื่อย ทั้งที่มันถูกตั้งไว้บนชั้นวางของ หลังจากนั้นไม่ นานตุ๊กตาตัวนี้ ก็เริ่มมีท่าทางเหมือนกับมนุษย์
ทั้งคู่รู้สึก เหมือนโดน “แอนนาเบล” จ้องมองตลอดเวลา และในที่สุดมันก็ค่อยๆทำร้ายพวกเธอจน ต้องขอความช่วยเหลือจาก “เอ็ด วอร์เรน”ทุก วันนี้ “แอนนาเบล” ก็ยังไม่หยุดความนไว้เพียงเท่านี้ เพราะมีรายงานว่า ทุกๆอาทิตย์ เธอ
ยัง คงออกมาจากกล่อง และสร้างความสยองให้กับคนที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์
8. รถเมล์ตีนผี


เช้ามืดวันหนึ่งในปี 1934 เกิดอุบัติเหตุกับรถเมล์2ชั้นในลอนดอน คนขับถูกย่างสดตายอย่างสยดสยอง ชาวอังกฤษเรียกขานว่า The Phantom Bus of London หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์สยอง ช่วงเช้ามืดของทุกวัน ชาวบ้านจะเห็นรถเมล์คันนี้วิ่งบนถนนโดยไม่มีคนขับ ทั้งยังวิ่งแบบไม่สนเส้นทาง รถที่สวนมาต้องหักหลบกะทันหัน แต่เมื่อหันไปดู กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นมันคือเดือนพฤษภาคม 1990 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีกเลย
7. เก้าอี้แห่งความตาย


คฤหาสน์ Baleroy สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1911 ที่รัฐเพนซิลเวเนีย และด้วยความที่ตึกนี้ประกอบไปด้วยงานฝีมือมากมาย มันจึงมีค่าทั้งทางมูลค่าและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ข้าวของในคฤหาสน์นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของประธานาธิปดีแห่งสหรัฐอเมริกา Thomas Jefferson แต่นอกจากความมีคุณค่าของมันแล้ว คฤหาสน์ Baleroy ยังมาพร้อมกับชื่อเสียงด้านเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอีกด้วย George Meade Easby ผู้สืบทอดคฤหาสน์คนสุดท้าย เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.2005 แต่ก่อนตายเขาได้อ้างว่า เขาเคยเห็นวิญญาณหลายตนวนเวียนอยู่ในบ้าน แต่เรื่องที่สยองที่สุดคือเรื่องของ “เก้าอี้แห่งความตาย” ในห้องสีฟ้า เก้าอี้นี้มีอายุกว่า 200 ปีและว่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นของแม่ทัพนโปเลียน แน่นอนว่าถึงจะมีชื่อเสียงและเก่าแก่ เก้าอี้นี้ก็คงไม่ใช่เก้าอี้ที่คุณอยากเอามาโชว์ใคร และแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากนั่งแน่ๆ นักสืบสวนเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหลายคนเชื่อว่า มีวิญญาณหญิงสาวสิงอยู่ในเก้าอี้ตัวนี้ที่ได้ชื่อเล่นว่า Amelia ว่ากันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วิญญาณ Amelia ปรากฏตัวขึ้นที่เกิดหมอกสีฟ้าขึ้นภาพในห้อง และใครที่ไปนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นจะตายทันที จนถึงวันนี้ มีคน 4 คนที่กล้านั่งลงบนเก้าอี้นั้น และแน่นอนว่าคนเหล่านั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว
6.เตียงสองชั้นผีสิง


เรื่องราวของเตียงสองชั้นผีสิงนี่โด่งดังมากเสียจนกลายเป็นเรื่องสุดฮิตในโทรทัศน์ที่ฉายเกี่ยวกับปริศนาที่ยังไม่มีใครไขได้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1987 ใน Horicon รัฐวิสคอนซิน Alan Tallman และ Debby Tallman ซื้อเตียงสองชั้นมาจากร้านของมือสอง และเอาเก็บไว้ในห้องใต้ดิน หลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคม ทั้งคู่ก็ย้ายเตียงขึ้นมาไว้บนบ้าน และ 9 เดือนหลังจากนั้นตั้งแต่คืนแรกที่เตียงถูกย้ายขึ้นไป เรื่องสยองก็เกิดขึ้น
เริ่มจากเด็กๆ ในบ้านเกิดป่วยขึ้นมา วิทยุในบ้านก็จะเปลี่ยนคลื่นไปมาเองทั้งๆ ที่ไม่มีใครไปแตะต้อง เด็กสองคนแรกที่นอนบนเตียงบอกว่าเห็นแม่มด ครอบครัว Tallmans เชิญพระมาไล่ผี แล้วทุกอย่างก็ปกติสุขอยู่สักพัก หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากวันคริสมาตในปี ค.ศ.1988 Alan Tallman หลังมาบ้านและได้ยินเสียงเรียกเขาว่า “มานี่” เขาตามเสียงนั่นไปยังโรงรถและพบว่าไฟกำลังไหม้ เขารีบวิ่งไปหยิบถังดับเพลิง แต่เมื่อกลับมายังโรงรถอีกครั้งก็พบว่าไฟได้หายไปแล้ว หลังจากเรื่องราวสยองขวัญที่หลายครั้งต่อมา ครอบครัว Tallmans ก็คิดได้ว่า “พอกันที” แล้วจัดการเผาเตียงนั่นเสีย แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังจากนั้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นอีกเลย
5. เมอร์ซี่ ผีเด็ก
“เชอร์รี่ คุน”เป็นเจ้าของตุ๊กตาหน้าตาน่ารักสูง 45 เซนติเมตร ที่คาดว่าจะมีวิญญาณของเด็ก7 ขวบสิงอยู่ ตั้งแต่เธอประมูลมันมาจากเวปไซต์อีเบย์ก่อนหน้านี้ “เชอร์รี่” เคยคิดว่า เรื่องตุ๊กตาผีพวกนี้เป็นเพียงเรื่องสยองขวัญในหนังฮอลลีวู้ดเธอ จึงประมูลตุ๊กตาตัวนี้เพื่อทำการพิสูจน์ความจริงเมื่อ “เชอร์รี่”ได้ตุ๊กตามาเธอก็ทำการตรวจสอบมัน โดยการถ่ายภาพและใช้กล้องวิดีโออัดภาพ“เมอร์ซี่” ทั้งวันทั้งคืนในที่สุดตุ๊กตา”เมอร์ซี่” ก็แผลงฤทธิ์ให้เธอเห็นในตอนกลางดึกหลัง จากที่ถ่ายรูปเสร็จ จู่ๆวิทยุในห้องก็เปิดขึ้นเองและเปลี่ยนคลื่นไปมาเรื่อยๆหลังจาก นั้นอีก 2 วัน “เชอร์รี่”ตื่นขึ้นมาและพบว่า ตุ๊กตาหล่นจากตู้ แต่ไม่ได้หล่นมาในท่านั่งเพราะเจ้าตัวนี้หล่นลงมาแล้วยืนอยู่บนขา ของตัวมันเองเรื่องพิศวงก็ยังคงมีมาไม่หยุดไม่หย่อน แต่”เชอร์รี่”ก็ยังคงเก็บตุ๊กตานี้ไว้เพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับ มัน แม้ว่าเธอจะรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่”เมอร์ซี่”อยู่ใกล้ๆ
4. แหวนของวาเลนติโน


Rudolph Valentino (1895-1926) ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักแสดงหนังเงียบของฮอลลิวูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเสียชีวิตจากโรคแผลในกระเพาะอาหารเมื่ออายุได้เพียง 31 ปีเท่านั้น แต่บางคนโทษว่าต้นเหตุของการเสียชีวิตของเขามาจากแหวนที่ซื้อมาจากร้านเครื่องประดับในปี ค.ศ.1920 แหวนวงนี้ประดับด้วยอัญมณีที่เรียกว่า ตาเสือ (Tiger’s eye) มีตำนานเล่าไว้ว่า หลังจากวาเลนติโนซื้อแหวนมา เขาก็อวดมันให้กับเพื่อนสนิทดูทันที แต่เพื่อนของเขากลับบอกว่า เขาเห็นภาพนิมิตของวาเลนติโนที่ซีดเผือดและดูคล้ายคนตาย ไม่ว่าเพื่อนของเขาจะเห็นภาพที่ว่าจริงหรือไม่ ภาพยนต์หลังจากนั้นของวาเลนติโนก็ล้มเหลวทางด้านรายได้ แล้วเขาก็เสียชีวืตหลังจากนั้น 6 ปี
แต่วาเลนติโนไม่ใช่เหยื่อคนเดียวของแหวนวงนี้ คนรักของเขา Pola Negri ป่วยหนักหลังจากสวมแหวน ซึ่งอาการป่วยที่ว่านี้หนักมากจนทำให้อาชีพการงานของเธอถอยหลังลงคลองและไม่เคยฟื้นกลับมาได้เต็มตัวอีกเลย อีกคนคือ Russ Colombo นักแสดงที่ถูกจ้างมาเล่นเป็นวาเลนติโนในภาพยนต์ชีวประวัติของเขาและได้สวมแหวนเช่นเดียวกัน ถูกยิงโดยอุบัติเหตุไม่กี่วันหลังจากนั้น ต่อมา นักเลงที่ชื่อ Joe Casino ก็ได้เป็นเจ้าของแหวน แต่เขาปฎิเสธไม่ยอมใส่มันจนกว่าคำสาปจะหายไป หลายปีหลังจากนั้น เขาตัดสินใจลองใส่แหวนและไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเขาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์
รายชื่อเหยื่อของแหวนวงนี้ยังมีอีก แต่จนถึงช่วงปี ค.ศ.1960 แหวนก็หายสาบสูญไปและหาไม่เจอว่าอยู่ที่ไหน
3.รถเฮี้ยนเจมส์ ดีน


30 กันยายน 1955 ดาราหนุ่มหล่อ “เจมส์ ดีน” จบชีวิตเพราะอุบัติเหตุจากรถ Porsche550 Spyder สีเงินเปิดกระทุนของเขา และเมื่อใครที่พยายามจะครอบครองมันต่อจากเขา มักจะพบเรื่องราวน่าขนลุก
เจ้าของรายแรกต่อจากดีน ซื้อซากไปปรับแต่งใหม่ จู่ๆ เครื่องยนต์ก็หล่นใส่ขาเขาจนกระดูกแหลกทั้ง2ข้าง เจ้าของคนต่อมาเป็นสองนายแพทย์นำเครื่องยนต์รถมรณะไปใส่ในรถแข่งของเขา ต่อมาทั้งสองก็เสียชีวิตระหว่างแข่งขันเพราะรถควบคุมไม่ได้ และเรื่องสยองอีกมากมายสุดท้ายต้องส่งซากรถมรณะกลับคืนให้เจ้าของที่ลอสแองเจลีส กระทั่งปี 1960 ซากรถกลับหายไปอย่างลึกลับไม่มีใครเห็นมันอีกเลย
2.กะโหลกกรีดร้องแห่งหอประชุม Burton Agnes


เรื่องลึกลับของกะโหลกกรีดร้องเป็นเรื่องราวที่มาจากแถบสหราชอาณาจักร มีการบันทึกไว้ว่า หัวกะโหลกหลายชิ้นที่ถูกย้ายออกมาจากที่อยู่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ลึกลับที่เกี่ยวกับวิญญาณและเสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถอธิบายได้ หนึ่งในหัวกะโหลกกรีดร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ของที่หอประชุม Burton Agnesใน East Yorkshire หอประชุมนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงของราชินีอลิซาเบ็ธที่ 1 โดยท่านเซอร์ Henry Griffiths และเหล่าน้องสาวของเขา ระหว่างการก่อสร้างนั้น น้องสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า Anne ถูกแทงเสียชีวิตโดยบุคคลนิรนาม ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ เธอให้พี่น้องของเธอสัญญาว่า จะตัดศีรษะของเธอออกแล้วให้เก็บไว้ในหอประชุมนี้ (อาจจะเป็นหนึ่งในคำขอก่อนตายแปลกสุดๆ เท่าที่เคยมีมา)แต่พี่น้องของเธอก็ไม่ได้ทำตามคำขอนั้น พวกเขาฝังร่างเธอทั้งหมดเอาไว้แทน หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงครางเหมือนคนที่ถูกฝังดังไปทั่วทั้งหอประชุม พี่น้องที่แตกตื่นของ Anne รีบไปที่หลุมฝังศพของเธอและพบว่า ร่างกายที่เหลือแต่กระดูกนั้นส่วนศีรษะได้ถูกตัดแยกออกจากร่างกาย ทั้งหมดนำเอาหัวกะโหลกไปวางไว้ในหอประชุม แล้วเสียงครางต่างๆ ก็หายไปหลังจากนั้น ลูกหลานของท่านเซอร์ Henry ที่รับสืบทอดหอประชุมต่อก็ย้ายหัวกะโหลกออก แต่ทุกครั้งที่หัวกะโหลกถูกย้ายออกไป ตึกก็จะเกิดการสั่นและเหล่ารูปภาพที่แขวนไว้ก็จะตกลงมา ในที่สุด ลูกหลานของเซอร์ Henry ก็ตกลงกันว่าจะเก็บกะโหลกเอาไว้ในตึกโดยซ่อนเอาไว้ในกำแพง ที่ซึ่งมันก็ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้
1.ไม้เท้าผีสิง


เป็นคุณจะยอมจ่ายเงิน 65,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐเพื่อไม้เท้าเหล็กสักอันไหม? แต่อันนี้พิเศษกว่าอันอื่นนะ เพราะมันคือ “ไม้เท้าผีสิง” (Ghost Cane) ซึ่งวางขายอยู่บน eBay โดย Mary Anderson หญิงที่อาศัยอยู่ในรัฐอินเดียน่า ผู้ซึ่งหวังไว้ว่าการขายไม้เท้าอันนี้ออกไปจะช่วยให้ลูกชายวัย 6 ปีของเธอหายกลัว เนื่องจากเขาเชื่อว่าวิญญาณของปู่เขายังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน
ไม้เท้านี้ถูกประมูลถึง 132 ครั้ง และได้รับการรับรองการประมูลซึ่งโดยมากจะไม่ยอมรับสินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องผีหรือวิญญาณ เนื่องมาจากคุณ Anderson คนนี้ยืนยันว่า เธอขายไม้เท้านี้เพื่อให้ลูกชายหายกลัวเท่านั้น
นอกจากนั้น เธอยังขอร้องให้ผู้ที่ชนะการประมูลเขียนจดหมายมาบอกลูกชายของเธอว่า ทั้งไม้เท้าและวิญญาณยังอยู่ดีมีสุขอยู่ ปัจจุบันที่อยู่ใหม่ของไม้เท้าผีสิงนี้คือที่คาสิโน Golden Palace บนเกาะ Antigua ที่ๆ มันได้ตั้งโชว์อยู่คู่กับแซสวิสชีสย่างที่ปรากฏเป็นรูปหน้าพระแม่มารี ซึ่งถูกซื้อมาจาก eBay เช่นเดียวกันในราคา 28,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ
Credit: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20140703111743624
16 มี.ค. 58 เวลา 00:22 4,429 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...