ลำปางขาวมาก...งามดอกเสี้ยว เที่ยวแจ้ซ้อน แช่น้ำแร่ร้อนสุดฟิน/ปิ่น บุตรี

เทศกาล“ดอกเสี้ยวบาน” ที่บ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 22 เส้นทางชมดอกไม้งามทั่วไทย         เหมันต์ผ่านผัน
       
       คิมหันต์มาเยือน
       
       ทุกๆ ปีในช่วงปลายหนาว(คาบเกี่ยวไปถึงต้นร้อนในบางปี) มวลหมู่ “ดอกเสี้ยว” ที่บ้านป่าเหมี้ยง แห่งเมืองรถม้า...จ.ลำปาง จะพากันออกดอกเบ่งบานสะพรั่ง ย้อมผืนป่าดูขาวนวลสบายตา 
       
       เกิดเป็นปรากฏการณ์ลำปางขาวมากขึ้นมาในจุดที่ดอกเสี้ยวเบ่งบาน ที่ดูงดงามเพริศแพร้วกระไรปานนั้น
       
       น่าตื่นตาตื่นใจกระไรปานนั้น 
  ดอกเสี้ยวขาวโพลนออกดอกเบ่งบานให้นักท่องเที่ยวมาทัศนาในความงาม         ดอกเสี้ยวบานสะพรั่ง กาลครั้งนั้น...ความฝันผลิบาน 
       
       ปีนี้ลำปาง นอกจากจะได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” จากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว ทาง ททท.ยังคัดสรรให้ปรากฏการณ์ “ดอกเสี้ยวบาน” ที่บ้านป่าเหมี้ยง-ลำปาง เป็น 1 ใน 22 เส้นทางชมดอกไม้งามทั่วไทยในโครงการ “Dream Destinations 2 - กาลครั้งนั้น...ความฝันผลิบาน” อีกด้วย 
  ดอกเสี้ยว ดอกไม้ป่าที่จะเบ่งบานในช่วงราว ม.ค.-ก.พ. ของทุกปี         โดยดอกเสี้ยวนั้น เป็นดอกไม้ป่า (วงศ์เดียวกับชงโค) จะบานในช่วงราวๆ เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศปีนั้นๆ) ลักษณะของดอกเสี้ยวจะมีสีขาว มี 5 กลีบ โดยจะมีสีชมพูแต้มที่กลีบใหญ่สุด
       
       อย่างไรก็ดีแม้ดอกเสี้ยวจะถูกยกให้เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดตากและน่าน แต่หากพูดถึงงานเทศกาลดอกเสี้ยวบานที่ขึ้นชื่อก็ต้องที่เชียงใหม่ เชียงราย และที่โดดเด่นมากก็คือที่ลำปางที่ผมเพิ่งขึ้นไปแอ่วมาล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ในช่วงที่ดอกเสี้ยวกำลังเบ่งบานงามสวยพอดี 
  จุดชมดอกเสี้ยวเบ่งบานบริเวณลานดอกเสี้ยว บ้านป่าเหมี้ยง ลำปาง         สำหรับจุดหลักๆ ในการเที่ยวชมดอกเสี้ยวบาน เมืองลำปาง อยู่ในเส้นทาง“แจ้ซ้อน-บ้านป่าเหมี้ยง” โดยมีจุดไฮไลต์อยู่ที่บริเวณ“ลานดอกเสี้ยว” แห่งบ้านป่าเมี้ยง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ที่ใช้เป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกเสี้ยวบานของปีนี้และปีก่อนๆ
       
       ดอกเสี้ยวที่แจ้ซ้อนและบ้านป่าเหมี้ยงปกติจะบานช่วงปลายหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ แต่บางปีอาจบานล่าช้าล่วงเข้ามาถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ข้ามต่อไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม(ดังเช่นปีนี้-เนื่องจากมีฝนตกลงมาก่อนหน้านั้น) 
  ชีวิตสัมพันธ์ : นกน้อย-ดอกเสี้ยว         นั่นจึงทำให้ที่ลานดอกเสี้ยว (หลังเทศกาล) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังมากไปด้วยดอกเสี้ยวที่ยังคงออกดอกขาวโพลนสวยงาม ท่ามกลางความร่มรื่นแมกไม้รอบข้างและธรรมชาติแห่งผืนป่าแจ้ซ้อน
       
       เสี้ยวบางต้นทอดกิ่งออกดอกให้เห็นกันใกล้ๆ ในระดับสายตา ให้เราได้พินิจพิจารณาว่าหน้าตารูปร่างทรวดทรงของมันเป็นเช่นใด อีกทั้งยังเป็นแบบให้ใครและใครหลายๆ คนได้เซลฟี่คู่กับดอกเสี้ยวสีขาวนวลอย่างใกล้ชิด
       
       เสี้ยวหลายต้นออกดอกสีขาวนวลตระหง่านแทรกแซมไปในสีเขียวและสีแล้งแห่งขุนเขาป่าแจ้ซ้อน มองเห็นขาวเด่นมาแต่ไกลดูสะดุดตา 
  โค้งอันตรายใกล้ลานดอกเสี้ยว แต่กลับเป็นจุดชมดอกเสี้ยวชั้นดี         ขณะที่ต้นเสี้ยวอีกส่วนหนึ่งที่ยืนต้นตั้งสูงตระหง่านนั้นต่างก็พากันออกดอกชูช่อขาวสะพรั่งอวดโฉมความงาม เสี้ยวหลายต้นได้ยินเสียงนกร้องขับขานเสนาะหู บางต้นเจ้านกน้อยก็เคลื่อนไหวคลอเคลียร์ไปในความงามของดอกขาวดูเพลิดเพลินตา เพียงแต่ว่าต้องสอดส่ายสายตามองหากันหน่อยเท่านั้น 
  โคลสอัพใกล้ๆ ให้เห็นถึงเกสร         บ้านป่าเหมี้ยง อวลเสน่ห์วิถีแห่งเมี่ยง
       
       นอกจากความงามของดอกเสี้ยวที่ลานดอกเสี้ยวแล้ว ที่ตัวหมู่บ้านป่าเหมี้ยงเองก็ยังมีต้นเสี้ยวออกดอกเบ่งบานให้เราได้ทัศนาชื่นชมกันอีกจำนวนหนึ่ง โดยพ่อหลวง “ชาญชัย จาตุมา” ผู้ใหญ่บ้านป่าเหมี้ยงบอกกับผมว่า ในอนาคตอาจจะมีการปลูกต้นเสี้ยวในหมู่บ้านเพิ่มมากขึ้น (กว่าที่ปลูกไปบ้างแล้วในขณะนี้) เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งจุดหลักในการชมดอกเสี้ยวคู่กับที่ลานดอกเสี้ยวที่อยู่ไกลกัน รวมถึงให้เป็นอีกหนึ่งสีสันความงามประดับหมู่บ้าน เพราะในแต่ละปีช่วงที่ดอกเสี้ยวบานจะมีคนมาเที่ยวที่บ้านป่าเหมี้ยงกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งในปีนี้เทศกาลดอกเสี้ยวบานบ้านป่าเหมี้ยงได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 22 จุดชมดอกไม้บานของไทย(Dream Destinations 2) จาก ททท. ก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักขึ้นเป็นพิเศษ 
  บรรยากาศถนนน้ำผ่านแห่งบ้านป่าเหมี้ยง         สำหรับบ้านป่าเหมี้ยงนั้นได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชุมชนอันโดดเด่นแห่งภาคเหนือ ที่นี่เด่นทั้งเรื่องท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและสุขภาพ รวมถึงมีธรรมชาติอันสวยงามให้สัมผัสกันในมิติที่หลากหลาย
       
       พ่อหลวงชาญชัยเล่าย้อนอดีตความเป็นมาของหมู่บ้านให้ฟังว่า บ้านป่าเหมี้ยงเป็นชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี บรรพบุรุษยุคแรกเริ่มของหมู่บ้านอพยพมาจากหลายที่หลายทาง เช่น ลำปาง น่าน พะเยา เชียงใหม่ พวกเขาได้เข้ามาจับจองพื้นที่สร้างบ้านเรือน หักล้างถางพงเพาะปลูก ทำไร่เลื่อนลอย ปลูกข้าวไร่ ควบคู่ไปกับการปลูกเมี่ยง (เหมี้ยง)-ทำเมี่ยง ที่ทำกันมาช้านานจนกลายเป็นชื่อหมู่บ้านและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนมาจนทุกวันนี้ 
  ดอกเสี้ยวบ้านป่าเหมี้ยงที่ทางชุมชนอาจจะมีการปลูกเพิ่มเติมในอนาคต         ต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ทางการได้ประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนขึ้นโดยครอบคลุมพื้นที่ของบ้านป่าเหมี้ยงเข้าไปด้วย (ทำให้ปัจจุบันบ้านป่าเหมี้ยงอยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯแจ้ซ้อน)
       
       นั่นจึงทำให้วิถีของชาวบ้านเปลี่ยนไป ไม่สามารถตัดไม้หักล้างถางพงทำไร่เลื่อนลอยขยายพื้นที่เพาะปลูกได้ ไม่สามารถล่าสัตว์ได้ พวกเขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีมาร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่า มีการทำไร่เมี่ยงเป็นอาชีพหลัก (เฉพาะในพื้นที่ที่ทางการจัดสรรไว้) รวมถึงมีการปลูกกาแฟ สมุนไพร เพาะเห็ดหอม แปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นอาชีพรอง ซึ่งนี่กลายเป็นวิถีคนกับป่า ที่ทำให้ป่าไม้ในพื้นที่ยังดำรงคงอยู่ ไม่ได้มีการแผ้วถางบุกรุกผืนป่าเพื่อปลูกข้าวโพด กะหล่ำ ยางพารา หรือปลูกพืชเชิงเดี่ยว(ทำลายดิน) อื่นๆ อย่างในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผืนป่า แหล่งต้นน้ำ และระบบนิเวศของบ้านเราอยู่จนทุกวันนี้ 
  วิถิการทำเมี่ยงที่อยู่คู่กับบ้านป่าเหมี้ยงมาช้านาน         นอกจากทำการเกษตรแล้ว ชาวบ้านป่าเหมี้ยงบางส่วนยังมีอาชีพเสริมด้านการท่องเที่ยว ที่ภายในหมู่บ้านมีกิจกรรมน่าสนใจให้สัมผัสกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะกับวิถีแห่งเมี่ยงหรือชา ที่หากใครมาเยือนบ้านป่าเหมี้ยงแล้ว ไม่ได้สัมผัสอะไรที่เกี่ยวกับเมี่ยงเลยก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง
       
       สำหรับกิจกรรมเด่นๆ เกี่ยวกับเมี่ยงของที่นี่ก็อย่างเช่น การไปชมและร่วมเก็บใบเมี่ยง(พ.ค.-ส.ค.) การหมักเมี่ยง การทำชาใบเมี่ยง ชมเทศกาลตานเมี่ยง(ก.ย.) และชม ชอป การแปรรูปใบเมี่ยงให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์เด่นอย่างหมอนใบชา(ใบเมี่ยง) ที่มีทั้งหมอนกลม-หมอนเหลี่ยม หมอนหนุนหัว(ใบใหญ่) ใช้เป็นหมอนเพื่อสุขภาพที่จะช่วยให้นอนหลับสบาย(จากกลิ่นหอมอ่อนๆ ในใบเมี่ยง) ด้านหมอนใบเล็กนั้นใช้ดับกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้าดีทีเดียว 
  ยำใบเมี่ยง(ใส่ปลากระป๋อง)อร่อยเด็ด         บ้านป่าเหมี้ยงยังมีอีกหนึ่งผลผลิตจากเมี่ยง ที่ไหนๆ เมื่อมาถึงเรือนมาเยือนถึงถิ่นแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็การชิมเมี่ยง(หมัก) ในรูปแบบต่างๆ นำโดย ใบเมี่ยงหมัก(ของกินเล่นขึ้นชื่อของชาวเหนือ) ที่ใครจะกินเปล่าๆ กับเกลือเม็ด หรือกินแกล้มกับเครื่อง ไส้เมี่ยง อย่าง ขิงดอง มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ก็แล้วแต่ชอบใจ
       
       รวมถึงที่นี่ยังมีลูกอมรสชาใบเมี่ยง และอาหารจานเด็ดหนึ่งในเมนูไฮไลต์ประจำชุมชนก็คือ “ยำใบเมี่ยง” ที่นำใบเมี่ยงมายำปรุงรสกับปลากระป๋องที่หลายๆ คนที่มาเยือนต่างติดใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะยำรสเข้มข้นกินแกล้มกับเบียร์นี่ผมกดให้พันไลค์เลย 
  ช่วงดอกเสี้ยวบาน ที่บ้านป่าเหมี้ยงมีเมนูพิเศษกับดอกเสี้ยวทอด อร่อย กรอบ กลมกล่อม         ในส่วนของอาหารจานเด็ดเมนูไฮไลต์คู่ชุมชน นอกจากยำใบเมี่ยงแล้วก็ยังมี “ไส้อั่วเห็ดหอม” “ไข่ป่าม” ส่วนถ้าหากใครไปในช่วงที่ดอกเสี้ยวกำลังเบ่งบานดังในช่วงนี้ก็มีทีเด็ดกับเมนู “ยำดอกเสี้ยว” และ “ดอกเสี้ยวชุบแป้งทอด” ที่มีให้กินกันเพียงปีละครั้งเฉพาะในช่วงดอกเสี้ยวบานเท่านั้น
       
       นอกจากนี้ที่บ้านป่าเหมี้ยงยังมีจุดเด่นในเรื่องอาหารกับ “ขันโตกสุขภาพ” ที่มียำใบเมี่ยงเป็นตัวชูโรง ร่วมกับเมนูหลายหลากจากวัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นไปที่การได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวคิดหลักในเรื่องการท่องเที่ยวของชุมชนภายใต้สโลแกน “ปรับสมดุลสุขภาพชีวิต ความท้าทายที่ได้พิชิต” 
  ไอ ควัน พวยพุ่งเป็นเอกลักษณ์ที่บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน         น้ำแร่ แจ้ซ้อน ออนเซนไทยชั้นเลิศ 
       
            แจ้  ขันเจื้อยแจ้ว ไก่ขาว
       ซ้อน     ทับขับหนาว น้ำแร่ร้อน
       ลำ       นำธารา กลางป่า ทัศนาจร
       ปาง      นี้ที่แจ้ซ้อน ลำปาง
       (โดย จินตนาการ)
       
       ในเส้นทางชมดอกเสี้ยวบาน-บ้านป่าเหมี้ยง ยังมี“อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน”เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญให้เที่ยวชม ชนิดที่ใครมาชมดอกเสี้ยวแล้วพลาดไปถือว่าน่าเสียดายแย่ 
  อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนกับการบริหารจัดการที่มีรางวัลกินรีการันตีในมาตรฐาน(สูง)         อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ได้ชื่อว่าเป็นออนเซนเมืองไทยชั้นเลิศ ที่นี่มีแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย รวมถึงทางอุทยานฯ ยังมีมาตรฐานสูงในการบริหารจัดการ จนสามารถคว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (รางวัลกินรี) มาครองได้ 2 สมัยด้วยกัน (ปี 43 และ 56) 
       
       สำหรับไฮไลต์ไม่ควรพลาดของ อช.แจ้ซ้อน ก็คือ “น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” หรือ “บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน” ที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนตามธรรมชาติมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ แต่มีอุณหภูมิสูงไม่เบา โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 73 องศาเซลเซียส แต่ในบางจุดก็มีอุณหภูมิสูงปรี๊ดขึ้นไปเกินกว่า 80 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว 
  ณ จุดจุดนี้ร้อนมากกว่า 80 องศาเซลเซียส         น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนมีทั้งหมดด้วยกัน 9 บ่อในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยในบริเวณบ่อไฮไลต์หรือบ่อหลักทางอุทยานฯ ได้เข้าไปปรับแต่งภูมิทัศน์และสภาพพื้นที่ในบริเวณบ่อใหญ่ บ่อไฮไลต์ ที่เป็นจุดท่องเที่ยวหลักของอุทยานฯ ให้ดูสวยงามน่าเที่ยว น่าเดินมากยิ่งขึ้น
       
       ที่บ่อหลักแห่งนี้ มีทั้งบ่อ แอ่ง และธารน้ำแร่ที่ไหลลัดเลาะไปตามโขดหินน้อยใหญ่ที่มีอยู่กระจัดกระจาย พร้อมกับมีทางเดินลัดเลาะไปตามสภาพพื้นที่ที่หากใครเดินไม่ระมัดระวังหรือมัวแต่เซลฟี่จนไม่มองทาง พลัดเดินตกธารน้ำร้อนไป งานนี้คงไม่ต่างจากตกกระทะทองแดง เอ๊ย!!! ไม่ใช่ คงไม่ต่างจากตกอ่างน้ำร้อนที่ถูกน้ำร้อนลวกแสบร้อนเป็นแน่ 
  เส้นทางเดินเที่ยวชมบ่อน้ำร้อน         แต่หากว่าเดินชมกันอย่างระมัดระวังไปตามเส้นทางแล้ว ต้องยอมรับว่าบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อนมีเสน่ห์ชวนเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยามเช้าตรู่ที่ดูสวยงามไปด้วยไอ ควัน ที่พวยพุ่ง คลอเคล้าไปกับลำธารไหลเอื่อยและแสงสีทองอ่อนๆ ยามเช้าที่ช่วยขับให้ไอ ควันน้ำพุ ดูสวยงาม เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งพื้นพิภพ
       
       นอกจากนี้ในลำธารไหลที่น้ำไหลเอื่อย บางช่วงเราจะเห็นเป็นสีเขียวมรกตจากตะไคร่ที่ขึ้นเกาะจับ บางช่วงบางจุดจะดูแปลกตาน่ายลไปด้วยเส้นสายสีขาวเล็กๆ ยาวๆ ที่เคลื่อนตัวเป็นริ้วพลิ้วไหวไปตามสายน้ำ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นสาหร่ายสีขาว แต่อันที่จริงแล้วมันคือ แบคทีเรีย Chloroflexus aurantiacus ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาเซลเซียส และสามารถอยู่ในสภาพไร้ออกซิเจนได้เป็นอย่างดี 
  แบคทีเรียสีขาว พบเจอได้ในธารบ่อน้ำร้อน         อย่างไรก็ดีในธารน้ำแร่ร้อนแห่งนี้ก็มีสาหร่ายชนิดพิเศษที่ทนทานต่อความร้อน เรียกว่า thermophilic algae ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นกลุ่มแรกๆ ของโลกเลยทีเดียว
       
       นอกจากนี้ที่บ่อน้ำพุร้อนยังมีสัตว์ตัวน้อยอย่าง “จักจั่นน้ำแร่” ที่ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี พวกมันจะลงมากินน้ำแร่ทั่วบริเวณของบ่อน้ำพุร้อน 
  ต้มไข่ แช่ไข่ กิจกรรมฮิต แห่งแจ้ซ้อน         ด้วยความที่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนในบ่อหลักมีอุณหภูมิสูงมาก คนธรรมดาไม่สามารถลงแช่เท้าแช่ตัวได้(ถ้าไม่อยากสุก) ดังนั้นกิจกรรมที่เหมาะสมของที่นี่จึงเป็นการ“แช่ไข่” โดยทางอุทยานฯได้ทำแอ่งแช่ไข่ไว้ ให้นักท่องเที่ยวได้นำไข่ลงไปแช่ ไปต้ม พร้อมกับมีไข่ไก่ ไข่นกกระทา ใส่ชะลอมขายให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมแช่ไข่กันเป็นที่เพลิดเพลิน โดยไข่ไก่จะมีเวลาแช่หรือต้มนานประมาณ 17 นาที เมื่อแล้วเสร็จนำขึ้นมาจะได้ไข่ต้มที่ไข่แดงแข็งสีสวย ส่วนไข่ขาวเหลวเป็นวุ้นคล้ายไข่เต่า กินร้อนๆ แบบไข่ลวกกับซอส พริกไทย เยี่ยมทีเดียว 
  ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน เมนูเด็ดประจำถิ่นแจ้ซ้อน         ไม่เพียงเท่านั้นไข่ต้มน้ำแร่ของที่นี่ยังถูกนำไปสร้างสรรค์เป็นเมนูเด็ด“ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน” ที่เป็นเมนูสัญลักษณ์เลื่องชื่อของที่นี่ โดยผู้คิดค้นสูตรเมนูเด็ดนี้ก็อาหม่อม “หม่อมราชวงศ์ถนัดศรีฯ” ยอดนักชิมชื่อก้องของไทย
       
       แม้อุณหภูมิน้ำพุร้อนที่บ่อหลักจะร้อนระยับ แต่ว่าใกล้ๆ กันนั้นก็มี “แอ่งน้ำอุ่น” ที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำตกแจ้ซ้อนและน้ำพุร้อน เกิดเป็นแอ่งน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะให้แช่เท้า แช่ตัว ท่ามกลางบรรยากาศแห่งธรรมชาติและขุนเขา 
  ต่างคนต่างวิถี หนึ่งเซลฟี่ หนึ่งต้มไข่         ส่วนใครที่อยากจะแช่น้ำแร่ๆ ชิลๆ สุดฟินให้หนำใจก็ต้องที่ “ห้องอาบน้ำแร่” ซึ่งใช้น้ำแร่ที่ต่อตรงมาจากบ่อน้ำร้อน มีทั้งห้องอาบแบบแช่รวม (แยกชาย-หญิง) ทั้งห้องในร่ม กลางแจ้ง และห้องอาบน้ำแร่แบบเป็นหลังๆ กับอ่างอาบน้ำส่วนตัว ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสน้ำแร่กันแบบถึงเนื้อถึงหนังชนิดสามารถเปลือยกายนอนแช่น้ำแร่ได้อย่างเพลิดเพลิน แบบออนเซนของญี่ปุ่นยังไงยังงั้น 
  สิ่งเล็กๆ ในธารน้ำแร่ร้อน         อย่างไรก็ดีแม้น้ำแร่แจ้ซ้อน จะมีคุณประโยชน์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าสบายตัว ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี รวมถึงช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้เช่น กลาก เกลื้อน ผื่นคัน แต่หากว่าแช่น้ำแร่นานเกินไปก็จะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกายได้
       
       ดังนั้นจึงควรแช่ในเวลาที่เหมาะสม 10-15 นาที(ต่อการลง 1 ครั้ง) ตามที่ทางอุทยานฯ ได้ติดป้ายกำกับไว้ ซึ่งพลังจากธรรมชาติของน้ำแร่จะช่วยไปเติมให้เรามีพลังในการดำรงชีวิตมากยิ่งขึ้น 
  ห้องอาบน้ำแร่ในบรรยากาศส่วนตัว มีอ่างให้แช่น้ำแร่กันอย่างถึงเนื้อถึงหนัง         บทส่งท้าย 
       
       จากความงามดอกเสี้ยว บ้านป่าเหมี้ยง แจ้ซ้อน ที่ผมเล่ามานั้น ถือเป็นเพียงบางส่วนแห่งมนต์เสน่ห์ของลำปาง เมืองต้องห้าม...พลาด เท่านั้น เพราะเมืองนี้ยังมีอะไรให้เที่ยวให้ค้นหากันอีกเยอะ
       
&nbs
Credit: http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000029393
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...