เปิดคำทำนาย สมัย ร.1 กับเหตุการณ์ที่เกิดในยุคต่างๆ!!

คำพยากรณ์ของพระโหราธิบดี

ในรัชกาลสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจะฬาโลก มีผู้เฒ่าเล่ากันต่อ ๆ มาว่าในรัชกาลที่ ๑  สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 

วันหนึ่งเวลาเย็นขณะที่พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกประทับอยู่  ณ ตำหนัก ในขณะนั้นก็พอดี พระโหราผ่านมาจะเข้าเฝ้า พระองค์ก็เลยรับสั่งให้หา พระพุทธยอดฟ้าจึงเผยพระโอษฐ์ขึ้นก่อนว่า  ท่านมาก็ดีแล้ว  ท่านโหรา ฉันจะให้ท่านพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์ว่า  ต่อไปเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร พระโหราจึงกราบทูลว่า พระอาญาไม่พ้นเกล้า  การถวายคำพยากรณ์โชคชะตาของกรุงรัตนโกสินทร์  เป็นเรื่องสำคัญจำจะต้องตรวจการพยากรณ์ โดยความระมัดระวังจะต้องใช้เวลาถึง  ๓  วัน จึงจะกราบทูลถวายคำพยากรณ์ได้ 

ครั้งแล้วท่านโหราธิบาดีได้จด  ปี  เดือน  วัน  เวลา  ของวันที่ลงหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์  ตามที่พระพุทธยอดฟ้ารับสั่ง  แล้วจึงกราบทูลลากลับไป  พอครบ  ๓  วัน พระโหราธิบดีจึงมาเฝ้าพระพุทธยอดฟ้าตามนัด  และได้ถวายคำพยากรณ์เป็น ๑๒  ยุค  ดังนี้

ยุคที่  ๑  ได้แก่  รัชกาลที่ ๑  ชื่อว่า มหากาฬ  มีอรรถาธิบายว่า  รัชกาลของพระองค์นี้มืดมาก คือพระองค์ไม่รู้ที่จะดำเนินรัฐประศาสนโยบายของประเทศไปในทางไหนดี เพราะเป็นระยะเริ่มก่อร่างสร้างกรุง

ยุคที่  ๒ ได้แก่รัชกาลที่ ๒ ชื่อว่า พาลยัคฆ์  มีอรรถาธิบายว่า ผู้ที่รับมอบสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ไปจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ที่ประกอบไปด้วยความอ่อนแอ ไม่มีความสามารถในการปกครอง

ยุคที่  ๓  ได้แก่รัชกาลที่  ๓  ชื่อว่า  รักมิตร  มีอรรถาธิบายว่า  ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่  ๓  นี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงโปรดที่จะทำสัญญาผูกสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศมาก

ยุคที่  ๔  ได้แก่รัชกาลที่  ๔  ชื่อว่า  สถิตย์ธรรม  มีอรรถาธิบายว่า  ผู้ที่สืบราชสมบัติต่อมาถึงรัชกาลที่ ๔  นี้ จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพอพระทัยฝักใฝ่ในทางธรรม       และพระพุทธศาสนามาก

ยุคที่  ๕  ได้แก่  รัชกาลที่  ๕ ชื่อว่า  จำแขนขาด   มีอรรถาธิบายว่า   จะมีการเสียดินแดนให้แก่ต่างประเทศ  ในรัชกาลที่  ๕  ด้วยความจำใจ


ยุคที่  ๖  ได้แก่  รัชกาลที่  ๖  ชื่อว่า  ราชโจรัญ  มีอรรถาธิบายว่า     ผู้ที่สืบราชสมบัติ
ต่อมาถึงรัชกาลที่  ๖  นี้เป็นพระราชาที่เปรียบเสมือนโจร  คือพระเจ้าแผ่นดินที่จับจ่ายใช้สอยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาก

ยุคที่  ๗  ได้แก่รัชกาลที่  ๗  ชื่อว่า  ทัณฑ์ทุกข์    มีอรรถาธิบายว่า  ผู้ที่สืบราชสมบัติถึงรัชกาลที่  ๗  นี้จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มารับเคราะห์หนักตลอดรัชสมัย

ยุคที่  ๘   ได้แก่ รัชกาลที่  ๘  ชื่อว่า  ยุคทมิฬ   มีอรรถาธิบายว่า     จะเกิดมีสงครามในยุคนี้ ประชาชน ประชาชาติจะต้องเสียสละทรัพย์สมบัติและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาไว้ของส่วนใหญ่อันเป็นที่รัก (แต่พระโหรา มิได้ทำนายไว้ถึงว่า รัชกาลที่ ๘  จะประสบเหตุการณ์ถึงสิ้นพระชนม์ด้วยลักษณการเช่นนี้)

ยุคที่  ๙  ได้แก่รัชสมัยปรัตยุบันนี้ ชื่อว่า ถิ่นสกาว  มีอรรถาธิบายว่า  ผู้ที่สืบสันตติวงค์ ครองราชสมบัติต่อมา   ถึงรัชกาลนี้  จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีบุญญาธิการ ประเทศจะเจริญรุ่งเรือง

ยุคที่  ๑๐  ชื่อว่า  ชาวศรีวิไล   มีอรรถาธิบายว่า  ประชาชนพลเมืองจะถึงซึ่งอารยธรรม อันแท้จริงในยุคนี้ (พวกมิจฉาทิษฐิและอธรรมจะเสื่อมสิ้นไป  พวกนี้ถ้าไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบ ก็จะต้องตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เพราะเป็นยุคของอารยชนที่มีจิตใจเป็นธรรม เท่านั้น ที่จะอาศัยอยู่ในอารยประเทศ  ถิ่นสกาวได้    ถ้าผู้ใดไม่มีศีลธรรมผู้นั้นก็เท่ากับฝืนโชค  ชะตากรรมของประเทศชาติจะต้องได้รับโทษถึงตาย โดยทางใด   ทางหนึ่ง ดังกล่าวมาแล้ว

ยุคที่  ๑๑  ชื่อว่า  ไทยมหารัฐ  มีอรรถาธิบายว่า  ประเทศจะเป็นมหาอำนาจในยุคนี้

ยุคที่  ๑๒  ชื่อว่า  จักรพรรดิราช  มีอรรถาธิบายว่า พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นถึง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในยุคนี้
 
 
ที่มา :  หนังสือ "คนตายแล้ว...ไปเกิดได้อย่างไร" ของพระธรรมสิงหบุราจารย์ | lannacorner

Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/66890.html
13 มี.ค. 58 เวลา 15:44 4,228
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...